วันอังคารที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2556

สุขภาพหัวใจ

1 ความคิดเห็น
 ตลอด ระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา บ้านเรากลายเป็นอีกหนึ่งประเทศที่เข้าสู่ภาวะสังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้มีผลการศึกษาของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เผยว่า ใน พ.ศ.2550 ไทยมีผู้สูงอายุราว 1 ใน 10 ของประชากร และคาดว่าเมื่อถึง พ.ศ.2573 จะมีเพิ่มขึ้นเป็น 1 ใน 4 ของจำนวนประชากร



 การที่ในสังคมมีผู้สูงอายุเป็นจำนวนมาก หมายถึงคนมีอายุยืนยาวขึ้น เมื่อสภาพการณ์เป็นเช่นนั้น คนเราควรดูแลสุขภาพตนเองให้ดีก่อนเข้าวัยชรา และในครั้ง มุมสุขภาพ ขอแนะนำเคล็ดลับการดูแลสุขภาพหัวใจ ข้อมูลควรรู้จากงานเฮลธี 50 พลัส ของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ที่จัดไปเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา
 8 วิถีเพื่อสุขภาพหัวใจ เริ่มจาก รู้จักตัวเอง โดย พฤติกรรมส่วนตัว และการดำเนินชีวิตเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ เช่น การกิน การออกกำลังกาย การเลิกสูบบุหรี่ ตามด้วย  ผ่อนคลายความเครียด เนื่องจากมีผลทำให้ความดันโลหิต และระดับฮอร์โมนความเครียดเพิ่มสูงจนเป็นอันตราย
 ต่อมา ลดน้ำหนักส่วนเกิน เพราะเป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง นำไปสู่โรคหัวใจทั้งสิ้น จากนั้น 'รับประทานอาหารที่มีประโยชน์' แนะให้ลดอาหารที่มีไขมันมาก และไขมันแปลงสภาพ ควรรับประทานผักและผลไม้ โปรตีนไขมันต่ำในปริมาณที่พอเหมาะ
 พร้อมทั้งอย่ามองข้าม ตรวจสุขภาพเป็นประจำ การตรวจสุขภาพช่วยให้พบปัญหาที่อาจกลายเป็นอันตรายได้ตั้งแต่ในระยะแรกเริ่ม ควบคุมความดันโลหิต ความดันโลหิตสูงเป็นสาเหตุพื้นฐานของโรคหัวใจ ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ก่อให้เกิดความดันสูง
 นอกจากนี้ คือ อย่าอยู่เฉย การออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 4-5 ครั้ง ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและโรคอื่นๆ ได้อย่างน่าอัศจรรย์ สุดท้าย งดบุหรี่ เพราะเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจที่ร้ายแรง เนื่องจากเต็มไปด้วยสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อหัวใจและระบบไหลเวียนโลหิต

ปฏิบัติตาม 8 วิถีข้างต้น ยามแก่ชราย่อมมีหัวใจที่แข็งแรงแน่
Read more ►

ทำอย่างไรไม่ให้ยอมแพ้

0 ความคิดเห็น
บทความนี้ผมได้คัดลอกมาจากเวบๆหนึ่ง 
ผมอ่านแล้วคิดว่าสามารถสร้างกำลังใจได้ 
บทความมีชื่อว่า
หมดหวัง..ท้อแท้ในชีวิต..คิดอย่างไรให้ใจสู้..  
แต่ผมอ่านแล้วผมอยากตั้งชื่อบทความนี้ว่า
"ทำอย่างไรไม่ให้ยอมแพ้" ครับ   
ในช่วงเวลาที่ผ่านมาของชีวิต..
หลายคนคงผ่านบทเรียนแห่งชีวิตมานับไม่ถ้วน..
ทั้งบทเรียนแห่งความผิดหวัง..
บทเรียนแห่งความท้อแท้..แพ้ชีวิต..
บทเรียนแห่งความสำเร็จ..

ไม่ว่าจะเป็นบทเรียนใด ๆ ก็ตาม..
เมื่อเราเกิดความผิดหวัง...ท้อแท้..ในชีวิต..
เราต้องพยายามปรับใจ..วางใจให้ถูก..
ด้วยวิธีการคิดที่จะปรับเปลี่ยน..ชีวิตของเรา..
ให้มีกำลังใจ..สู้ต่อไป..

๔ วิธีคิดที่จะสร้างพลังใจให้สู้ คือ..
วิธีที่ ๑ คิดแบบตรงกันข้ามกับความรู้สึกในขณะนั้น เช่น
>>>…ถ้าทุกข์ ก็คิดสร้างสุข
>>>…ถ้ายากก็คิดแบบง่าย...
>>>…ถ้าเกิดปัญหา ก็คิดแก้ปัญหา..

วิธีที่ ๒ คิดแบบสร้างกำลังใจ เช่น
>>>…ปลุกปลอบใจตนเอง...ทุกครั้งที่เกิดความท้อแท้..ผิดหวัง
>>>…บอกตนเองเสมอว่า..เราต้องทำได้..เราต้องทำได้อย่างแน่นอน..
>>>…เราต้องทำได้แน่นอนที่สุด..ไม่มีคำว่า..ทำไม่ได้..
>>>…ท่องไว้ในใจว่า..ไม่มี ไม่เป็น ไม่เหนื่อย...
>>>….ไม่ทุกข์ ไม่ท้อ ไม่หนี ไม่มีปัญหา...

วิธีที่ ๓ คิดแบบมีเป้าหมายในชีวิตที่แน่นอน มุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว..
>>>…หากยังไม่ประสบความสำเร็จ..
>>>…ก็จะไม่เลิก ลด ละ ความเพียรพยายาม..
>>>…จงสู้ต่อไปจนกว่าจะประสบความสำเร็จ..
>>>…แม้จะเป็นวินาทีสุดท้ายของลมหายใจก็ตาม..

วิธีที่ ๔ คิดใหญ่ไม่คิดเล็ก..
>>>…มองปัญหาออก..แก้ปัญหาเป็น..
>>>…คิดการใหญ่...ใช้คนเป็น..รู้เห็นตามความถูกต้อง..
>>>…มุ่งปรองดอง...รักษาน้ำใจ..สร้างมิตรภาพ..
>>>…อย่าลืมว่า.. “ยิ่งสูงยิ่งหนาว” ...
>>>…ต้องคิดดี..ทำดี..พูดดี..ทุกที่ทุกเวลา...

ดังนั้น.. ถ้าท้อแท้..หมดหวังในชีวิต..
จงพยายามคิดให้ใจสู้...
อย่าเชื่อว่า...เราทำไม่ได้..ถ้ายังไม่ได้ลงมือทำ..
อย่าท้อแท้..ตราบใดที่เรายังไม่ได้พยายาม..
อย่าสิ้นหวัง...ตราบใดที่เรายังมีกำลังใจ..
อย่าแพ้ชีวิต...ตราบใดที่ใจของเรายังมีหวัง..
จงอย่าทำลายความหวัง...เพียงเพราะ....
การดูหมิ่นตนเองว่า... “ทำไม่ได้”...



บทความโดย..ชายน้อย..
Read more ►

วันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

กำหมัดเพิ่มความจำ

0 ความคิดเห็น

 ผลวิจัยล่าสุดของนักจิตวิทยาจากมหา วิทยาลัยมอนต์แคลร์สเตท รัฐนิวเจอร์ซี สหรัฐอเมริกา เปิดเผยเมื่อเร็วๆ นี้ ระบุว่า การกำมือแน่นๆ ช่วยให้ความจำดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้ความสามารถในการระลึกความทรงจำเก่าๆ กลับคืนมาได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

  นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยมอนต์แคลร์สเตท รัฐนิวเจอร์ซี สหรัฐอเมริกา เปิดเผยผลวิจัยว่า การกำมือแน่นๆ ช่วยให้ความจำดีขึ้น โดยได้ทำการทดลองกับอาสาสมัครผู้ใหญ่จำนวน 50 คน ให้จดจำคำศัพท์จากลิสต์คำศัพท์จำนวนมากขณะที่ทดลองกำมือไปด้วย พบว่าการกำมือขวาเป็นเวลา 90 วินาทีจะช่วยให้การจดจำสิ่งใหม่ๆ ทำได้ดีขึ้น ในขณะที่การกำมือซ้ายด้วยเวลาเท่าๆ กันจะช่วยให้การเรียกคืนความทรงจำเก่าๆ ทำได้ดีขึ้น

  ด้านนายรูธ พรอพเพอร์ หัวหน้าที่วิจัยในครั้งนี้ระบุว่า ผลการวิจัยชี้ว่าการเคลื่อนไหวร่างกายธรรมดาๆ เช่น การกำมือขวาก่อนเรียนรู้ข้อมูลต่างๆ และการกำมือซ้ายก่อนจะเรียกคืนความทรงจำนั้นสามารถปรับปรุงระบบความทรงจำได้ โดยปรากฏการณ์ดังกล่าวเป็นการเปลี่ยนการทำงานของสมองชั่วคราว

  ทั้งนี้ งานวิจัยก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นว่าการกำมือซ้ายและมือขวาสามารถกระตุ้นการทำงานของสมองซีกตรงกันข้ามได้ รวมถึงยังมีความสัมพันธ์กับอารมณ์ด้วยเช่นการกำมือขวาเชื่อมโยงกับความความสุขและความโกรธ ในขณะที่การกำมือซ้ายเชื่อมโยงกับความเศร้าและความวิตกกังวล

  ทีมวิจัยระบุว่า การวิจัยต่อเนื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจะต้องศึกษาถึงความเชื่อมโยงของการกำมือกับกระบวนการอื่นๆ ด้วยหรือไม่ เช่นคำพูด ความสามารถด้านมิติสัมพันธ์การจดจำภาพหรือสถานที่ ฯลฯ อย่างไรก็ตามผู้วิจัยระบุว่าจำเป็นที่จะต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมที่มีขนาดใหญ่กว่านี้เพื่อยืนยันผลการทดลองดังกล่าว

ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน
Read more ►

วันอังคารที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2556

คุณค่าชีวิต

0 ความคิดเห็น
   
      เกิด แก เจ็บ ตาย แม้เป็นสิ่งที่เรามองว่าเป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีใครที่สามารถเลี่ยงได้
แต่เมื่อสัจธรรมเหล่านั้นก้าวย่างเข้าใกล้เราหรือคนใกล้ตัวก็เป็นเรื่องยากที่จะทำใจ
ถึงแม้จะเป็นเรื่องยาก แต่ก็ต้องยอมรับ นอกจากการยอมรับก็คือการเรียนรู้
ประเด็นที่จะเรียนรู้จากเรื่องนี้คือ การใช้ชีวิตอย่างไรให้คุ้มค่า ไม่เสียชาติเกิด 

      มีผู้ที่ทำอาชีพหนึ่ง เป็นอาชีพที่มีหน้าที่ดูแลผู้ป่วยที่อยู่ในระยะสุดท้าย
ซึ่งขอกลับไปอยู่ที่บ้านเพื่อรอวันตาย  ผู้ที่ทำอาชีพนี้จะอยู่กับผู้ป่วยประมาณ 2 สัปดาห์สุดท้าย
ช่วงเวลาเหล่านั้นเราสามารถเรียนรู้ว่าผู้ที่กำลังเสียชีวิตนึกเสียใจกับเรื่องอะไรบ้าง
โดยเฉพาะสิ่งที่อยากจะย้อนอดีตกลับไปเปลี่ยนแปลง ซึ่งพบว่ามี 5 ประเด็น


     1.ควรใช้ชีวิตตามความต้องการที่แท้จริงของตัวเอง มากกว่าตามความคาดหวังของคนอื่น
คนที่กำลังจะเสียชีวิตมักมองย้อนกลับไปมองอดีตและจะเห็นชัดเจนว่าอะไรที่อยากทำ/อะไรที่ยังไม่ทำ

     2.ไม่ควรทำงานหนักจนเกินไป   ประเด็นนี้พบมากในผู้ชาย  พวกเขาจะไขว่คว้าและวิ่งตามแต่เงินทองเกียรติยศชื่อเสียง  โดยที่ตัวเองไม่รู้ตัวมาก่อนว่าตัวเองทำเช่นนั้น

     3.ควรกล้าแสดงความรู้สึกของตัวเองให้มากกว่านี้ หลายคนเก็บความรู้สึกของตัวเองไว้ข้างใน เพราะเกรงใจ กลัวขัดใจผู้อื่น แต่ความรู้สึกเหล่านั้นจะนำมาซึ่งความเครียด และบางคนแทบไม่ได้แสดงความรู้สึกดีดีให้กับคนที่ควรจะได้รับรู้้ ซึ่งมันทำให้รู้สึกคั่งค้างอยู่ในใจ

    4. ควรจะอยู่กับเพื่อนๆให้มากกว่านี้ หลายคนรับรู้ความรู้สึกที่แท้จริงจากการได้อยู่กับเพื่อนๆก็ต่อเมื่อตัวเขาเองกำลังจะเสียชีวิตลง หรือเพื่อนๆของเขาเหล่านั้นได้เสียชีวิตลง

    5. ควรจะทำให้ตัวเองมีความสุขมากกว่านี้  เพราะหลายคนที่กำลังเสียชีวิตเพิ่งตระหนักได้ว่า ความสุขนั้นอยู่ที่การเลือกของตัวเราเอง  ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องเลือกอย่างมีสติ ด้วยความฉลาดและซื่อสัตย์

ขอขอบคุณข้อมูลจาก "โรงพยาบาลชุมชน ก้าวใหม่เพื่อคนไทยในอนาคต"

เรื่องที่คุณอาจสนน่าใจ
วิชาสุดท้ายที่มหาวิทยาลัยไม่ได้สอน
ดีืที่สุดในสิ่งที่เป็น
ต่างที่คิดชีวิตจึงต่าง

Read more ►

วันพฤหัสบดีที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2556

หลักการตั้งชื่อแฟ้มข้อมูลให้ให้เกิดปัญหาน้อยที่สุด

0 ความคิดเห็น
ปัญหา ส่วนหนึ่งที่พบในการทำงานคอมพิวเตอร์ ของบุคลากร ไม่ว่าจะในหน่วยงานใดๆ ก็ตาม คือเรื่องเกี่ยวกับการตั้งชื่อไฟล์ ซึ่งเรื่องนี้ใหญ่กว่าที่คิด เพราะว่าถ้าส่วนใหญ่จะตั้งชื่อไฟล์แบบตามใจฉัน และมีมีโอกาสเจอเรื่องราวดี ๆ ได้ เช่น
1.        ใช้ไฟล์งานกับโปรแกรมที่ใช้อยู่ไม่ได้
2.        ใช้ไฟล์งานกับโปรแกรมเดียวกัน แต่คนละเวอร์ชั่นไม่ได้
3.        เวลาส่งไฟล์งานไปให้คนแผนกอื่นที่เกี่ยวข้องแต่ไฟล์มีปัญหา และ
4.        ฯลฯ
            ดังนั้น ในการการตั้งชื่อไฟล์ที่ทำให้มีปัญหาน้อยที่สุด
1.         หลีกเลี่ยงการตั้งชื่อไฟล์เป็นภาษาไทย ควรจะตั้งชื่อไฟล์เป็นภาษาอังกฤษ เนื่องจากภาษาไทยเป็นปัญหาใหญ่อันดับต้น ๆ ในระบบดิจิตอล ซึ่งเรื่องนี้บางคนไม่ทราบ หรือว่าเห็นว่าโปรแกรมเกือบทั้งหมดบน Windows สามารถ รองรับภาษาไทยได้ แต่ความเป็นจริงก็คือ ภาษาไทยในระบบคอมพิวเตอร์เป็น อักษขระที่ซับซ้อนกว่าภาษาอังกฤษเยอะมาก และจะหวังให้ผู้พัฒนาโปรแกรมส่วนใหญ่ หรือเกือบทั้งหมดที่เป็นชาวต่างชาติมาทำความเข้าใจกับภาษาหลักของบ้านเรา คงเป็นเรื่องที่ยากเข้าไปใหญ่ ประกอบกับภาษาไทยในระบบดิจิตอลเอง ยังไม่มีมาตรฐานหรือองค์กรที่รับผิดชอบตรงนี้อย่างจริงจัง ตามที่เข้าใจ เลยทำให้เวลาผู้พัฒนาโปรแกรมต้องการข้อมูลประกอบสำหรับอ้างอิง จึงเป็นเรื่องที่ลำบาก เวลาปัญหาเกิดขึ้นที ก็ต้องหาทางเดาหรือว่าแก้กันเองในหมู่ผู้ใช้ เรื่องนี้เห็นได้ชัดเจนมากกับโปรแกรมพิมพ์และภาษาไทย ที่ไม่ค่อยจะคงเส้นคงวาในเรื่องของ font และอะไรต่าง ๆ การตั้งชื่อไฟล์ภาษาไทย ถ้าโชคดี คุณจะยังใช้งานได้อยู่ แต่อาจจะมีปัญหาเมื่อเปลี่ยนเวอร์ชั่นของโปรแกรม หรือระบบ OS ที่มักจะมีการปรับปรุงในเรื่องของ font และการทำงานเกี่ยวกับ font อยู่ ตลอดเวลา การตั้งชื่อไฟล์เป็นภาษาอังกฤษ จึงสามารถแก้ไขข้อจำกัดตรงนี้ได้ เราไม่จำเป็นต้องใช้คำเลิศหรู เอาคำบ้าน ๆ ที่ตั้งแล้วตัวเองเข้าใจก็พอ
2.         หลีกเลี่ยงการเว้นวรรคในชื่อไฟล์ ตรง นี้ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ การเว้นวรรคทำให้เกิดปัญหาขึ้นได้คือโปรแกรมไม่อ่านไฟล์นั้น ๆ ซึ่งเรื่องนี้ไม่เป็นเฉพาะกับชื่อไฟล์ภาษาไทยเท่านั้น สามารถเกิดได้กับชื่อไฟล์ที่เป็นภาษาอังกฤษได้ด้วย ถ้าต้องการวรรคตอนจริง ๆ สำหรับชื่อไฟล์หลายพยางค์ ควรจะใช้เครื่องหมายขีดกลาง (-) หรือขีดล่าง (_) มาเป็นตัวแบ่งพยางค์แทนครับ เช่น my-room-1.jpgwall-map_1.jpg, wall-map_2.jpg…
3.         หลีกเลี่ยงชื่อไฟล์แบบ default ที่โปแกรม ตั้งมาให้ตอน save ควร จะใช้คำที่สื่อความหมายที่ตัวเราเองเข้าใจและตั้งเองมากกว่า ส่วนใหญ่พวกโปรแกรมแต่งภาพหรือไฟล์ภาพจากอุปกรณ์ต่อพ่วงอื่น ๆ เช่นพวกกล้องดิจิตอล หรือว่าสแกนเนอร์ มักจะตั้งชื่อไฟล์มาให้เราเอง ซึ่งจะเป็นชื่อไฟล์ในแบบที่เครื่องอ่านเข้าใจ แต่คนอ่านไม่รู้เรื่อง เช่น R122003.jpg หรือ PIC00098.jpg อะไรทำนองนี้ เราควรจะตั้ง ให้เกี่ยวข้องกับเนื้อหาหลักของไฟล์หรือภาพนั้น ๆ เพื่อที่ตัวเราเอง หรือแม้แต่ผู้ร่วมงานที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ จะสามารถเข้าใจตัวไฟล์นั้นได้ โดยที่ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเปิดไฟล์ขึ้นมาดู หรือรอรูปตรง preview ให้แสดงผลเสมอไปช่วยให้การทำงานเร็วขึ้นได้ในระดับหนึ่ง
4.         หลีกเลี่ยงชื่อไฟล์ที่ยาวเกินไป การตั้งชื่อไฟล์ที่ดี ควรจะสั้นห้วน และได้ใจความ จริงอยู่ว่าระบบ OS หรือ ว่าโปรแกรมรุ่นใหม่ ๆ ในปัจจุบันรองรับการทำงานกับชื่อไฟล์ยาว ๆ หลายตัวอักษรได้แล้ว แต่ในเรื่องของการใช้งานจริง ถ้าชื่อไฟล์ยาว ๆ มีโอกาสที่ชื่อไฟล์จะแสดงเพียงบางส่วนครับ เช่น my-material-of-the-stand……jpg อะไรทำนองนี้ งงกันไปใหญ่ หรือไม่ก็ต้องเสียเวลาดู preview หรือ เปิดไฟล์นั้นขั้นมาดู การตั้งชื่อไฟล์ที่ดี ควรจะทำให้เราเห็นและเข้าใจได้ในวินาทีนั้นเลยโดยที่ไม่ต้องเปิด หรือทำอะไรอย่างอื่นให้วุ่นวายจะดีที่สุด

ที่มา : http://www.macmuemai.com/content/907
Read more ►

วันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2556

พญาอินทรีย์

1 ความคิดเห็น

ปกตินกอินทรีจะมีอายุราว ๗๕ ปี แต่กว่าจะอายุยืนขนาดนั้น จะต้องผ่านกระบวนการอันเจ็บปวด ๑๕๐ วันไปให้ได้ .. เมื่อนกอินทรีอายุได้ ๔๐ ปี จงอยปากจะโค้งงุ้ม กรงเล็บแหลมคมกลายเป็นทื่อ ขกดกหนาเป็นกระจุก ทำให้น้ำหนักตัวมากเกินกว่าจะทะยานสู่นภากาศ ถึงตอนนี้มันต้องเลือก!

อินทรีที่ต้องการจะมีชีวิตอยู่ต่อไป จะบินขึ้นไปบนยอดเขาสูง หาที่เงียบๆทำรัง จากนั้น จะใช้จงอยปากจิกหินจนเลือดอาบ จิกจนกว่าจงอยอันเดิมจะร่วงหล่น จากนั้น ต้องอดอาหารจนกว่าจงอยอันใหม่จะงอกมาแทน ระหว่างนั้นกรงเล็บเดิมจะร่วงออก และเมื่อจงอยปากอันใหม่งอกสมบรูณ์ ความเจ็บปวดก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง..

คราว นี้ อินทรี จะเอาจงอยปากจิกถอนขนที่รกรุงรังออกจากร่างอย่างเจ็บปวด.. เพื่อให้บินทะยานสู่ฟ้าอย่างองอาจอีกครั้ง.. ทั้งหมด กินเวลา ๕ เดือน เป็นทางเลือกสำหรับ อินทรี ที่อยากมีชีวิตอยู่รอดต่อไปอีกอย่างน้อย ๓๐ ปี.. มนุษย์ที่ประสบความสำเร็จ ไม่มีใครไม่เคยผ่านความเจ็บปวดอย่าง สาหัส วันนี้เราอาจเห็นคนโชคดี ประสบความสำเร็จ แต่เราไม่เคยรู้ว่า การลอกคราบจากความอ่อนแอ มาสู่จุดนี้.. มันเจ็บปวดปานใด? และเราจะต้องพบกับมั...นแน่นอน หากฝันที่จะไปยังเป้าหมายในชีวิตของเรา


ส่วนหนึ่งจากหนังสือ “อธิษฐาน” ของ ดร.วิศิษฐ์ ศรีพิบูลย์
Read more ►

วันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2556

ช่างภาพ

0 ความคิดเห็น
    ปัจจุบันการสร้างภาพเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะก่อให้เกิดผลสำเร็จในการงาน ดังนั้นผู้ที่มีใจรักในศิลปะ รักในการถ่ายภาพ จึงสามารถใช้วิชาการถ่ายภาพ เป็นวิชาทำเงินล้านได้โดยไม่ยากเย็น


    การถ่ายภาพในปัจจุบันแม้ไม่ยากเย็นเหมือน สมัย 13 ปีที่แล้ว อีกทั้งอุปกรณ์การถ่ายภาพก็มีราคาไม่สูงมากนักที่มนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆจะหยิบฉวยเอาอุปกรณ์ถ่ายภาพเหล่านั้นมาสร้างสรรค์เป็นงานศิลป์  สิ่งสำคัญคือ เราจะสร้างภาพที่มีความแตกต่างและสร้างสรรค์ โดดเด่นกว่าช่างภาพคนอื่นได้อย่างไร

    การจะสร้างภาพอย่างสร้างสรรค์นั้น สิ่งแรกที่ช่างภาพต้องทำคือการศึกษาอุปกรณ์ และฝึกใช้งานกล้องให้ชำนาญหลังจากนั้นก็ต้องฝึกวางองค์ประกอบภาพให้สวยงามสะดุดตาและสะกดใจ

    อาชีพช่างกล้องเป็นอาชีพที่ตลาดต้องการมากทั้งในภาครัฐและเอกชน รายได้ของช่างภาพไม่มีข้อกำหนดตายตัวส่วนหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับความสามารถด้วย ซึ่งหมายความว่า สามารถมีรายได้ตั้งแต่หลักร้อยจนถึงหลักล้าน

    ผู้ประกอบอาชีพนี่อาจจะตั้งร้านถ่ายภาพของตนเองซึ่งต้องใช้เงินทุนสูง หรือใช้โซเซียลมีเดียในการโปรโมทผลงานและรับงานก็ได้  ซึ่งต้นทุนต่ำ ความเสี่ยงต่ำ สิ่งนี้เองที่เป็นจุดที่ผมสนใจ
   
Read more ►

เครือข่าย

0 ความคิดเห็น


 เครือข่าย (Network) คือ การเชื่อมโยงของกลุ่มของคนหรือกลุ่มองค์กรที่สมัครใจ ที่จะแลกเปลี่ยนข่าวสารร่วมกัน หรือทำกิจกรรมร่วมกัน โดยมีการจัดระเบียบโครงสร้างของคนในเครือข่ายด้วยความเป็นอิสระ เท่าเทียมกันภายใต้พื้นฐานของความเคารพสิทธิ เชื่อถือ เอื้ออาทร ซึ่งกันและกัน


เครือข่าย (แท้) มีองค์ประกอบสำคัญอยู่อย่างน้อย 7 อย่างด้วยกัน คือ

  1. มีการรับรู้และมุมมองที่เหมือนกัน (common perception)
  2. การมีวิสัยทัศน์ร่วมกัน (common vision)
  3. มีความสนใจหรือมีผลประโยชน์ร่วมกัน (mutual interests/benefits)
  4. การมีส่วนร่วมของสมาชิกทุกคนในเครือข่าย (stakeholders participation)
  5. มีการเสริมสร้างซึ่งกันและกัน (complementary relationship)
  6. มีการเกื้อหนุนพึ่งพากัน (interdependent)
  7. มีปฏิสัมพันธ์กันในเชิงแลกเปลี่ยน (interaction)
 
ข้อเสนอแนะในการพัฒนาเครือข่าย เพื่อความยั่งยืน

1.  สมาชิกที่เข้าร่วม ต้องเข้าใจเป้าหมายในการรวมตัวกันว่าจะก่อให้เกิดความสำเร็จในภาพรวม
2.  สร้างการยอมรับในความแตกต่างระหว่างสมาชิก ยอมรับในรูปแบบและวัฒนธรรมองค์กรของสมาชิก
3.  มีกิจกรรมสม่ำเสมอและมากพอที่จะทำให้สมาชิกได้ทำงานร่วมกัน เป็นกิจกรรมที่ต้องแน่ใจว่าทำได้ และกระจายงานได้ทั่วถึง ควรเลือกกิจกรรมที่ง่ายและมีแนวโน้มประสบผลสำเร็จ อย่าทำกิจกรรมที่ยากโดยเฉพาะครั้งแรกๆ เพราะถ้าทำไม่สำเร็จอาจทำให้เครือข่ายที่เริ่มก่อตัวเกิดการแตกสลายได้
4.  จัดให้มีและกระตุ้นให้มีการสื่อสารระหว่างกันอย่างทั่วถึง และสม่ำเสมอ
5.  สนับสนุนสมาชิกทุกกลุ่ม และทุกด้านที่ต้องการความช่วยเหลือ เน้นการช่วยเหลือกลุ่มสมาชิกที่ยังอ่อนแอให้สามารถช่วยตนเองได้
6.  สร้างความสัมพันธ์ของบุคลากรในเครือข่าย
7.  สนับสนุนให้สมาชิกได้พัฒนางานอย่างเต็มกำลังตามศักยภาพและความชำนาญที่มีอยู่ โดยร่วมกันตั้งเป้าหมายในการพัฒนางานให้กับสมาชิกแต่ละกลุ่ม  ส่งผลให้สมาชิกแต่ละกลุ่มมีความสามารถพิเศษเฉพาะด้าน เป็นพื้นฐานในการสร้างความหลากหลายและเข้มแข็งให้กับเครือข่าย
8.  สร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น ระหว่างบุคลากรทุกระดับของสมาชิกในเครือข่ายในลักษณะความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อน
9.  จัดกิจกรรมให้สมาชิกใหม่ของเครือข่าย เพื่อเชื่อมต่อคนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่ในการสืบทอดความเป็นเครือข่ายต่อไป
10. จัดให้มีเวทีระหว่างคนทำงานเพื่อพัฒนาหรือแก้ปัญหาในการทำงานด้านต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งการให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
11. จัดให้มีช่องทางการทำงานร่วมกัน การสื่อสารที่ง่ายต่อการเข้าถึงที่ทันสมัยและเป็นปัจจุบัน
เช่น สร้างระบบการส่งต่องาน และสร้างเว็บไซต์เพื่อเชื่อมโยงเครือข่ายเข้าด้วยกัน
Read more ►

ฆ่าเพราะไม่รู้

0 ความคิดเห็น
   วันนี้ผมได้อ่านเรื่องราวเกี่ยวการทำบุญ การให้ทาน โดยผู้ทำบุญมีจุดประสงค์จะทำทาน ต้องการสะสมบุญบารมี แต่ด้วยความไม่รู้ ความไม่รอบคอบ ก่อเกิดผลร้ายถึงชีวิตของผู้รับ


   เรื่องราวทั้งหมดผมได้รับรู้จากเวบกระปุกซึ่งตั้งหัวข้อไว้ "ชาวเน็ตแชร์ภาพ ปลาในวัดตายเพราะกินเหรียญที่คนโยนลงบ่อ"  ผมขอสรุปเนื้อหาสั้นก็คือตามวัดวาอารามต่างๆหลายๆวัด มักจะจัดสถานที่ให้อาหารปลา เพื่อให้ญาติโยมที่มาวัดได้ให้อาหารปลาเป็นการทำทานอย่างหนึ่ง  ผู้ที่ให้อาหารปลาก็ย่มมีความเมตตาต่อสัตว์ แต่ด้วยเหตุผลบางประการทำให้มีผู้ที่ให้อาหารปลาบางประเภท ที่ไม่ได้ให้เฉพาะอาหาร แต่กลับโยนเหรียญลงบ่อ คงเพราะเข้าใจว่าการทานเงินจะได้เงินกลับคืน หลายเท่า และคงไม่คาดคิดว่าปลามันจะกินเหรียญเข้าไปทำให้เกิดการสูญเสียชีวิต
     
ผมเองเป็นอีกคนที่ไม่คิดว่าปลาจะกินเหรียญ ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมเชื่อว่าสัตว์ทุกชนิดมันมีสัญชาตญาณในการเอาตัวรอด อันไหนที่มันกินได้มันถึงจะกิน อันไหนกินไม่ได้มันจะไม่กิน 

    แม้ไม่เคยโยนเหรียญลงบ่อ แต่หลายครั้งที่ผมไปทำบุญให้อาหารลิงกับแม่ แม่ผมมักตำนิผมว่าผมให้ขนมลิงเยอะเกินไป เดียวมันกินมากไป จะกลายเป็นผมไปฆ่ามัน ผมก็เถียงแม่ด้วยเหตุผลข้างต้น คือผมเชื่อว่ามมันมีสัญชาตญาณในการเอาชีวิตรอด  

   พอได้รับรู้เรื่องปลากินเหรียญจนต้องตาย ต่อไปการจะให้อะไรใครผมคงต้องคิดให้รอบคอบกว่าเดิม 


ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ทวิตเตอร์ @zorrrrowDJ
Read more ►

วันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2556

องค์กร5 ส

0 ความคิดเห็น
   สาว5ส
มีคำกล่าวที่ว่า”กิจกรรม 5ส เป็นรากฐานของงานคุณภาพทุกระบบ”
เกือบทุกหน่วยงานจึงมีนโยบายให้ทำกิจกรรม 5ส
และมีป้ายทองการันตีว่าทำ 5ส ได้ประสิทธิภาพ คุณภาพ  ปลอดภัย
เพื่อให้ได้มาซึ่งคำว่า ประสิทธิภาพ คุณภาพ ปลอดภัย จึงมีการกำหนดมาตรฐาน
เช่น มาตรฐานการใช้สี,มาตรฐานป้าย,มาตรฐานบอร์ดติดประกาศ เป็นต้น

   กองทัพไม่ว่าจะภารกิจใดย่อมขับเคลื่อนด้วย “เงินทุน”
การดำเนินกิจกรรมก็เฉกเช่นเดียวกัน
จะขับเคลื่อนกิจกรรมให้บรรลุผลสำเร็จ นอกเหนือจิตใจที่มุ่งมั่นของพนักงานแล้ว
อีกสิ่งหนึ่งที่ปฎิเสธไม่ได้คือ งบประมาณ

    จากการที่ผมได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการทำกิจกรรม 5ส  จนได้ ป้ายทองการันตีคุณภาพ
การทำตามมาตรฐาน 5ส บ้างกิจกรรมใช้เงินน้อย บ้างกิจกรรมใช้เงินมาก
มาตรฐานที่ใช้เงินมาก เช่น  การทำป้ายติดสันแฟ้ม การทำป้ายอะคลีลิค การบิวส์อิน

   การทำมาตรฐาน 5ส ต่างๆเหล่านี้ให้ครบถ้วนสมบรูณ์ต้องใช้งบประมาณมาก
หากเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร   เรื่่องงบประมาณอาจไม่ใช่ปัญหาที่ต้องพืจารณามากนัก
แต่หากเป็นองค์กรที่แสวงหากำไร  คงต้องวิเคราะห์ละเอียดถึง ความคุ้มทุน
โดยเฉพาะองค์กรที่ไม่ได้แสวงหากำไรเพื่อความร่ำรวย แต่เป็นกำไรเพื่อการอยู่ได้
การทำตามมาตรฐาน 5ส ทุกๆมาตรฐาน อาจทำให้องค์กรไปไม่รอด
ดังนั้น การทำ 5ส จริงๆ นอกจากการยึดหลัก “ประสิทธิภาพ คุณภาพ ปลอดภัย”
จำเป็นต้องพิจจารณาหลัก  “ประโยชน์สูง ประหยัดสุด” ร่วมด้วยเสมอๆ
Read more ►

เจรจาต่อรอง

0 ความคิดเห็น

การเจรจาต่อรอง หมายถึง  กระบวนการแก้ไขความขัดแย้งระหว่างผู้ที่เกี่ยวข้องมากกว่า 2 ฝ่ายขึ้นไป
เพื่อหาข้อยุติที่เป็นผลประโยชน์ระหว่างคู่เจรจาร่วมกัน
 
กระบวนการเจรจาต่อรองมิได้กำจัดวงอยู่เฉพาะเมื่อเริ่มพูดและจบลง ณ ที่ที่มีการเจรจาเท่านั้น
แต่อาจจะเป็นกระบวนการที่ใช้เวลาในการดำเนินการมาก่อนหน้าที่จะมีการเจรจาต่อรองกันขึ้น
เพื่อสร้างอำนาจต่อรอง เช่น การออกข่าวหนังสือพิมพ์ก่อนจะมีการต่อรอง

กลยุทธ์ในการเจรจาต่อรอง จึงหมายถึง เทคนิคในการใช้ปากให้เป็น ใช้ปากให้เหมาะสมต่อสภาพการณ์แวดล้อมและเงื่อนเวลา

หลักการในเจรจาต่อรองที่ต้องคำนึงเพราะมันส่งผลต่อความสำเร็จหรือความล้มเหลว มีดังนี้
1. หลักการที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของต้นทุนและกำไร  คือการที่คู่เจรจาต่างสามารถประเมินได้ว่าผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการเจรจาและการยุติข้อขัดแย้งจะมีมากกว่าต้นทุน
2. หลักความเชื่อมั่นต่อกัน   ก่อนเริ่มการเจรจาต้องสร้างบรรยากาศแห่งความเชื่อมั่น ตั้งแต่การพบหน้ากันครั้งแรกของคู่เจรจา  
3. รู้จักจำกัดขอบเขตการเจรจาอย่าให้ขยายวงไปกระจายกับประเด็นอื่น ๆ ที่อาจส่งผลกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างกันทั้งระบบ

แนวทางในการเจรจา
1. แนวทางจิตวิทยา เป็นแนวทางในการใช้หลักจิตวิทยา พูดจาหว่านล้อม  โดยต้องพยายามทำความเข้าใจในเรื่อง นิสัยใจคอ สถานภาพทางด้านอารมณ์ของคู่เจรจา  แรงบีบคั้น หรือสถานภาพ และบทบาทในด้านตำแหน่ง

2. แนวทางทฤษฎีเกม (Game Theory )    ทฤษฎีเกมตั้งอยู่บนสมมุติฐานว่าคู่เจรจานั้นจะมีความรู้ ความสามารถเท่าเทียมกันและมีข้อมูลมากเท่าเทียมกัน องค์ประกอบดังกล่าว ทำให้คาดการณ์ข้อยุติได้

3.ทฤษฎี H.M.L ในการเจรจาคู่เจรจาแต่ละฝ่ายจะต้องมีการกำหนดเป้าหมายในการเจรจาเอาไว้
 เป้าหมายในการเจรจามี 3 ระดับด้วยกัน
 เรียกเป้าหมายในการเจรจาทั้ง 3 ระดับว่า  ทฤษฎี H.M.L.”    สามารถอธิบายได้ดังนี้

   1. ระดับ  “H”  (High) หมายถึงการบรรลุสู่เป้าหมายสูงสุดของคู่เจรจา
   2. ระดับ “M”  (Medium) หมายถึง กรณีที่คู่เจรจาบรรลุเป้าหมายได้ 75 % เรียกเป้าหมายดังกล่าวว่าเป็นเป้าหมายระดับกลาง
   3. ระะดับ  L “  (Low) หมายถึง กรณีที่คู่เจรจาอยากได้เป้าหมายอย่างน้อยที่สุด ที่ 50 % เรียกระดับนี้ว่าระดับที่เป็นขอบเขต

   4. การเจรจาต่อรองด้วยแนวทางผสมผสาน  หมายถึงการใช้แนวทางผสมผสานระหว่างการศึกษาทางจิตวิทยา และการใช้ทฤษฎีเกม เข้าด้วยกัน
   กระบวนการและขั้นตอนในการเจรจาต่อรองด้วย แนวทางผสมผสาน จำแนกเป็นขั้นตอนหลัก ๆ  8 ขั้นตอน ประกอบด้วย

        การเตรียมการ  ประกอบด้วย
        สะสมข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับตัวเราและคู่เจรจาให้มากที่สุด
        กำหนดวัตถุประสงค์ และ ระดับเป้าหมายในการเจรจา ตามหลัก H.M.L
        กำหนดกลยุทธ์ในการเจรจา คือความพยายามในการเตรียมเนื้อหา เป้าหมาย
        และแนวทางในการเจรจาเพื่อดึงเกมให้คู่เจรจาไปสู่แนวทางที่มีการกำหนดไว้               

         การดำเนินการเจรจา
         ในขั้นตอนนี้จะครอบคลุมตั้งแต่การเริ่มแนะนำตัวในการเจรจาต่อรอง
         ตลอดจนช่วงของการพูดคุย ปรึกษาหารือ บางครั้งอาจจะเรียกว่าเป็นขั้นตอนของการโต้คารม
         สิ่งสำคัญ คือ ต้องพยายามหลีกเลี่ยงการพูดคุยในลักษณะที่ไม่มีข้อยุติ
         ต้องแสดงเจตจำนงและพฤติกรรมในการเดินเข้าหากัน
         เพื่อให้ลักษณะการพูดคุยมีท่าทีเป็นบวกด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย
         มีคำตอบและมีการพูดคุยกันในลักษณะสร้างสรรค์เพื่อดึงเกมเข้าหากัน
         อันจะนำไปขั้นตอนต่อไปที่จะหาข้อยุติในการเจรจาต่อรอง

          การส่งสัญญาณ
          หมายถึง การที่คู่เจรจามีการชี้ในประเด็นที่พร้อมจะเจรจา หรือ การบอกกล่าวให้อีกฝ่ายหนึ่งเห็นถึงแนวทางที่อาจจะนำไปสู่การเจรจาและหาข้อยุติได้หลังจากที่มีการพูดคุยกันในด้านต่าง ๆ แล้ว
และในขณะเดียวกันการส่งสัญญาณก็อาจจะเท่ากับเป็นการบอกอีกฝ่ายหนึ่งว่าในประเด็นนั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจจะคุยกันได้

           การทำข้อเสนอ

หมายถึง การที่คู่เจรจาได้รวบรวมประเด็นต่างๆ ที่คิดว่าอีกฝ่ายหนึ่งมีความเห็นด้วย
ภายหลังจากที่ดูท่าทีของคู่เจรจาในการขั้นตอนการเจรจาและการส่งสัญญาณเรียบร้อยแล้วในขั้นตอนนี้คู่เจรจาจะเสนอแนะถึงเงื่อนไขต่าง ๆ ที่ตัวเองคิดว่าคู่เจรจาอีกฝ่ายหนึ่งนั้นน่าจะสามารถต่อรองกันได้เพราะเป็นเงื่อนไขที่ประเมินจากท่าทีในระหว่างการเจรจา ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าขั้นตอนในการทำข้อเสนอเป็นขั้นตอนที่จะผลักดันให้การเจรจานั้นเป็นรูปธรรมเพราะเป็นขั้นตอนที่จะหาจุดร่วมของคู่เจรจาในประเด็นต่าง ๆ อันจะเป็นการปูพื้นสู่ขั้นตอนในการเจรจาในลำดับต่อไป
              การรวบรวมสรุปประเด็น
             เป็นขั้นตอนของการนำเสนอข้อสรุปที่ได้มาจากการประเมินข้อเสนอและปฏิกิริยา
ของอีกฝ่ายหนึ่งต่อข้อเสนอในประเด็นต่าง ๆ และมารวมกันเป็นการนำเสนอที่คำนึงถึงองค์ประกอบต่าง    ที่จำเป็นเพื่อที่จะผลักดันให้การเจรจาต่อรองนั้นไปสู่แนวทางที่จะหาข้อยุติดได้ และในขั้นตอนนี้คู่เจรจาจะต้องคำนึงถึงประเด็นสำคัญ 3  ประเด็น คือ

                    ประเด็นแรก ถามว่าสิ่งที่เรายอมเขานั้นเป็นสิ่งที่คู่เจรจาของเราเห็นคุณค่าหรือไม่
                   ประเด็นที่สอง    ต้องประเมินว่าสิ่งที่เรายอมเขานั้นมีต้นทุนสำหรับเราเท่าไร คุ้มค่าหรือไม่ที่เรายอมเพื่อให้อีกฝ่ายพอใจ

                    ประเด็นที่สาม   ถ้าเรายอมเขาแล้ว เราได้อะไรจากการยอมเขา เราต้องมีอะไรมาแลกเปลี่ยนเพื่อให้การเจรจานั้นเราไม่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ และในขณะเดียวกันเราต้องไม่เป็นฝ่ายเอาเปรียบคู่เจรจา เพื่อทำให้การเจรจานั้นสามารถไปสู่เป้าหมายแห่งการไว้ใจ ทำให้โอกาสหาข้อยุติที่จะเป็นผลประโยชน์ต่อกันและกันมีสูงขึ้นในอนาคต
            การต่อรองขั้นสุดท้าย

เป็นขั้นตอนที่ต้องอาศัยความชำนาญและเทคนิคในการเจรจาที่ละเอียดอ่อน

 เพราะเป็นขั้นตอนที่ภาษาชาวบ้านเรียกว่า เข้าด้าย เข้าเข็ม 

เนื่องจากเป็นขั้นตอนที่ต่างฝ่ายต่างหันเข้ามาหาจุดที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกันได้

ความสำเร็จในการเจรจาต่อรองของแต่ละฝ่ายวัดได้จากผลได้กับผลเสีย 

โดยเทียบผลได้และผลเสียที่ตัวเราได้รับ กับอีกฝ่ายหนึ่งได้รับว่า มีสัดส่วนต่างกันแค่ไหน

ซึ่งย่อมขึ้นอยู่กับความสามารถในการขั้นตอนของการต่อรองในช่วงนี้นี่เอง

            การปิดการเจรจาต่อรอง

เป็นขั้นตอนของการเริ่มเข้าสู่จุดหมายปลายทาง หรือการหาข้อยุติในการเจรจาต่อรองเพื่อเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย ประเด็นสำคัญของการปิดการเจรจาต่อรอง ก็คือจะหาข้อยุติเมื่อไร เงื่อนเวลาในการหาข้อยุตินั้นจะเป็นตัวตัดสินว่าข้อยุตินั้นเป็นผลประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่ายร่วมกัน

             การทำข้อตกลง

การทำข้อตกลงอย่างเป็นทางการ เป็นขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการในการเจรจาต่อรอง   
             เป็นขั้นตอนที่จะรองรับกับข้อยุติที่ได้บรรลุก่อนหน้านี้

การหาข้อยุติในการเจรจาต่อรองอันนำไปสู่การทำข้อตกลงจึงมีความละเอียดอ่อนเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ซึ่งอาจมีปัญหาที่เกี่ยวข้องกับความหลงลืมของคู่เจรจา หรือการตีความ ซึ่งอาจนำไปสู่การถกเถียงกันในประเด็นต่าง ๆ ตามมา

 ดังนั้นเพื่อป้องกันปัญหาในอนาคตสิ่งที่ตกลงกันไม่ว่าจะสำคัญหรือไม่สำคัญอาจมีความจำเป็นที่จะต้องทำเป็นลายลักษณ์อักษรให้เป็นหลักฐานชัดเจน
Read more ►
 

Copyright © ไอเดียชีวิต Design by O Pregador | Blogger Theme by Blogger Template de luxo | Powered by Blogger