มีโอกาสดีได้ฟังการบรรยายของคุณสมคิด ลวางกูร ที่มาบรรยายที่บริษัทในหัวข้อ การเขียนบันทึก
ช่วงนั้นเขาเพิ่งออกหนังสือประวัติของตัวเอง และออกรายการเจาะใจ
เคย อ่านหนังสือผลงานของเขามา ๒ เล่มคือ หยุดความเลวที่ไล่ล่าคุณ และ นโยบายพระกู้ชาติ ซึ่งเล่มแรกซึ้งมาก น้ำตาไหลเป็นระยะๆ เล่มที่สองเป็นแนวทางของพระพยอมที่จะกู้ศีลธรรมให้กลับมา
เวลาไปงานสัปดาห์หนังสือก็จะเห็นบูธเขาบ่อยครั้ง
วันนี้มาถึงที่ จะพลาดได้ไง
ไม่ผิดหวังครับ
เริ่ม แรกเขาก็เล่าประวัติชีวิตสุดขั้วของเขาก่อน ซึ่งไม่ตรงกับหัวข้อ คุณสมคิดบอกว่าต้องการปูพื้นผู้ฟังว่า อย่าคิดว่าการเขียนมีข้อจำกัด ก็เด็กวัด ต่ำต้อย แย่งอาหารสุนัขทาน ยังบันทึกเรื่องราวจนได้ดี ทำไมพวกเราจะทำไม่ได้
คุณสมคิดเป็นชาวสุพรรณบุรีครับ
เริ่มแรกเป็นเด็กวัด มีพระจากกรุงเทพฯ มาที่วัดและบอกว่า อยากประสบความสำเร็จต้องอ่านหนังสือมากๆ เด็กชายสมคิดก็ทำตามอย่างเคร่งครัด
ข้อเด่นของคุณสมคิดคือ ทดลองทำในสิ่งที่รับรู้อย่างเต็มที่ จนมาเห็นผล แล้วค่อยประเมินอีกที
ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ ครับ
หนังสือในวัดทุกเล่มจึงถูกเด็กชายสมคิดอ่านจนหมด
จน มาเจอหนังสือที่เปลี่ยนชีวิตของเด็กน้อยนีกอ่าน เป็นหนังสือของ เดล คาร์เนกี้ ที่ไม่ทราบแม้ชื่อเล่ม เพราะหน้าแรกหายไป เปิดอ่านก็หน้าที่ ๑๑ แล้ว กระดาษกรอบ ต้องค่อยๆ เปิด
สิ่งที่หนังสือเล่มนี้บอกไว้คือ คนเราจะประสบความสำเร็จต้องตั้งเป้าหมาย
แล้วคุณสมคิดก็อธิบายคุณลักษณะของเป้าหมายชีวิตที่ดี
สุดท้ายเขาตั้งเป้าหมาย ๕ ข้อ คือ
1. มีเงินหนึ่งล้านบาทภายในอายุ ๒๕ ปี
2. ต้องพูดภาษาอังกฤษได้
3. ต้องทำงานบนเครื่องบิน
4. ต้องไปต่างประเทศ
5. ต้องได้แฟนเป็นนางงาม
ลองคิดดูสิครับ เด็กวัดต่ำต้อย แย่งอาหารกันกิน กล้าที่จะฝันขนาดนี้ ถ้าเป็นคุณได้ยินเรื่องนี้จะคิดอย่างไร
ขั้น ตอนต่อไปในตำราของเดล คาร์เนกี้ บอกว่าให้ประกาศให้โลกรู้ถึงเป้าหมายในชีวิต เด็กชายสมคิดก็บอกให้เพื่อนเด็กวัดฟัง เป็นไปตามคาดเพื่อนทำหน้างงๆ
แต่เด็กชายสมคิดไม่งง ดำเนินการเพื่อให้ได้เป้าหมายในชีวิตอย่างแน่วแน่
ตอนแรกบวชเณรแต่ดูแล้วจะทำให้ห่างไกลเป้าหมายของชีวิตมาก
เลยออกมาชกมวย เพราะเห็นแชมป์โลก ชาติชาย เชี่ยวน้อย ชกได้เงินครั้งละเป็นแสน
แต่คุณแม่ขอร้องให้เลิก ก็ไม่ดื้อครับ เลิกชกมวย
แล้วก็เข้ากรุงเทพทำงานในห้องอาหาร แต่มาติดเหล้าและผู้หญิง คุณสมคิดเรียกว่าเป็นโรค ภูมิคุ้มกันความเลวบกพร่อง
แล้วก็เป็นแม่อีกที่ขอให้เลิก คุณสมคิดก็ทำตาม และแม่ฝากให้ทำงานที่การบินไทย ฝากกับเจ้านายของแม่ที่แม่ไปทำงานบ้านด้วย
ทำงานการบินไทย แล้วเปลี่ยนไปทำสายการบินต่างชาติ
ตอนแรกเขาให้ไปล้างห้องน้ำ เสียใจ ล้างห้องน้ำไป ร้องไห้ไป
จน ทางสายการบินเขาหาคนจัดการการบริการบนเครื่อง คุณสมคิดจึงไปสมัครเพราะเคยทำเมื่ออยู่การบินไทย แล้วก็จัดการได้ดี การงานเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำงานหนักจนเลือดออกทางจมูก เลยต้องหยุดพัก
กลับมาใช้ชีวิตเมืองไทย อกหักครับ เลยตั้งเป้าหมายใหม่อีกครั้ง ๕ ข้อ ของเดิมสำเร็จหมดแล้วนะครับ แม้แต่ข้อสุดท้าย มีแฟนเป็นนางงาม!
จำเนื้อหาห้าข้อหลังไม่ได้หมด จำได้เลาๆ ว่ามีเรื่องอยากมีชื่อเสียงเหมือนพี่เบิร์ด
ช่วง นี้คุณสมคิดเริ่มฝึกฝนการเขียน ฝึกไปเรื่อยๆ มีเกร็ดจากหนังสือขายดี Outlier ที่เคยได้ทราบมาว่า ต้อง ๑๐,๐๐๐ ชั่วโมงครับ สำหรับการฝึกฝน รับรองได้ดีแน่นอน
คุณสมคิดก็น่าจะฝึกถึงนะครับ วันหนึ่งบทความที่เขาเขียนเลยได้ลงหนังสือพิมพ์ ทำให้รู้ว่าสิ่งที่ฝึกฝนสัมฤทธิ์ผล
เรื่องที่ทำช่วงนี้คือปั้นนักพูด ปั้นนักเขียน จัด Event สุดท้ายก็เขียนหนังสือขายดีหลายเล่ม จนมีชื่อเสียงตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
แนวคิดเด็ดๆ อีกเรื่องคือเมื่อชอบไปเที่ยวรีสอร์ท ก็ปรับปรุงบ้านให้กลายเป็นรีสอร์ทเสียเลย จะได้อยู่รีสอร์ททุกวัน
ช่วงนี้ชีวิตผมอยู่คอนโดก็เหมือนอยู่โรงแรมทุกวันเลยครับ บรรยากาศเป็นอย่างนั้น ไม่ค่อยเหมือนอยู่บ้านเลย แต่ก็ลงตัวในวิถีคนเมืองนะ
เทคนิคการเขียน เท่าที่จำได้ เช่น
ต้องตั้งชื่อเรื่องให้โดนใจ
หาแนวนักเขียนต้นแบบมาปรับใช้ ของคุณสมคิด เช่น
1. พิษณุ นิลกลัด ที่นำคำของกีฬาต่างชนิดมาใช้ปนกัน
2. หมู่โฮม ที่อ่านแล้วจะเดาตอนจบไม่ถูก
แล้วก็เอาจุดเด่นของนักเขียนที่คุณสมคิดชื่นชอบมาผสมรวมเป็นตัวเขา
ส่วนของเราน่ะหรือ นักเขียนต้นแบบโดนๆ คือ
1. หนุ่มเมืองจันท์ เขียนได้ไหลลื่น น่าอ่านมาก
2. พี่จิก-ประภาส ชลศรานนท์ ได้ความรู้ แนวคิดทุกครั้งที่อ่าน
3. จำลอง ฝั่งชลจิตร ถ้าเรื่องสั้นต้องคนนี้ครับ
4. พี่จุ้ย แกชอบยุให้ฝันบ่อยดี
5. นิ้วกลม คนรุ่นใหม่ที่บทบันทึกต่างๆ เข้าตา เข้าใจ มาก ชอบเวลาเขาเขียนแนวธรรมะเหมือนในเล่ม กัมพูชาพริบตาเดียว ครับ คมคาย ได้ใจ
ก็คงต้องจับทางแล้วนำมาปรับใช้กับเราครับ
เนื้อเรื่องก็ต้องน่าสนใจ พร้อมทั้งทิ้งท้ายให้คนอ่านได้คิดต่อด้วย
สุด ท้ายก็จบที่ทางธรรมครับ คุณสมคิดบอกว่าความสุขที่สุดก็ตอนได้มาปฏิบัติธรรมนี่แหละครับ เพื่อทราบครับท่านทั้งหลายที่แสวงหาความสุขกันอยู่
คติทิ้งท้ายจากชายคนนี้ "การออกกำลังกายที่ดีที่สุด คือการก้มช่วยเหลือคนที่ล้มลง"
นี่แหละครับ ชีวิตสุดขั้วของชายคนนี้ สมคิด ลวางกูร
ยินดีที่ได้รู้จักครับ ที่มา: http://www.oknation.net/blog/preephati/2009/12/24/entry-1
Read more ►
ช่วงนั้นเขาเพิ่งออกหนังสือประวัติของตัวเอง และออกรายการเจาะใจ
เคย อ่านหนังสือผลงานของเขามา ๒ เล่มคือ หยุดความเลวที่ไล่ล่าคุณ และ นโยบายพระกู้ชาติ ซึ่งเล่มแรกซึ้งมาก น้ำตาไหลเป็นระยะๆ เล่มที่สองเป็นแนวทางของพระพยอมที่จะกู้ศีลธรรมให้กลับมา
เวลาไปงานสัปดาห์หนังสือก็จะเห็นบูธเขาบ่อยครั้ง
วันนี้มาถึงที่ จะพลาดได้ไง
ไม่ผิดหวังครับ
เริ่ม แรกเขาก็เล่าประวัติชีวิตสุดขั้วของเขาก่อน ซึ่งไม่ตรงกับหัวข้อ คุณสมคิดบอกว่าต้องการปูพื้นผู้ฟังว่า อย่าคิดว่าการเขียนมีข้อจำกัด ก็เด็กวัด ต่ำต้อย แย่งอาหารสุนัขทาน ยังบันทึกเรื่องราวจนได้ดี ทำไมพวกเราจะทำไม่ได้
คุณสมคิดเป็นชาวสุพรรณบุรีครับ
เริ่มแรกเป็นเด็กวัด มีพระจากกรุงเทพฯ มาที่วัดและบอกว่า อยากประสบความสำเร็จต้องอ่านหนังสือมากๆ เด็กชายสมคิดก็ทำตามอย่างเคร่งครัด
ข้อเด่นของคุณสมคิดคือ ทดลองทำในสิ่งที่รับรู้อย่างเต็มที่ จนมาเห็นผล แล้วค่อยประเมินอีกที
ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ ครับ
หนังสือในวัดทุกเล่มจึงถูกเด็กชายสมคิดอ่านจนหมด
จน มาเจอหนังสือที่เปลี่ยนชีวิตของเด็กน้อยนีกอ่าน เป็นหนังสือของ เดล คาร์เนกี้ ที่ไม่ทราบแม้ชื่อเล่ม เพราะหน้าแรกหายไป เปิดอ่านก็หน้าที่ ๑๑ แล้ว กระดาษกรอบ ต้องค่อยๆ เปิด
สิ่งที่หนังสือเล่มนี้บอกไว้คือ คนเราจะประสบความสำเร็จต้องตั้งเป้าหมาย
แล้วคุณสมคิดก็อธิบายคุณลักษณะของเป้าหมายชีวิตที่ดี
สุดท้ายเขาตั้งเป้าหมาย ๕ ข้อ คือ
1. มีเงินหนึ่งล้านบาทภายในอายุ ๒๕ ปี
2. ต้องพูดภาษาอังกฤษได้
3. ต้องทำงานบนเครื่องบิน
4. ต้องไปต่างประเทศ
5. ต้องได้แฟนเป็นนางงาม
ลองคิดดูสิครับ เด็กวัดต่ำต้อย แย่งอาหารกันกิน กล้าที่จะฝันขนาดนี้ ถ้าเป็นคุณได้ยินเรื่องนี้จะคิดอย่างไร
ขั้น ตอนต่อไปในตำราของเดล คาร์เนกี้ บอกว่าให้ประกาศให้โลกรู้ถึงเป้าหมายในชีวิต เด็กชายสมคิดก็บอกให้เพื่อนเด็กวัดฟัง เป็นไปตามคาดเพื่อนทำหน้างงๆ
แต่เด็กชายสมคิดไม่งง ดำเนินการเพื่อให้ได้เป้าหมายในชีวิตอย่างแน่วแน่
ตอนแรกบวชเณรแต่ดูแล้วจะทำให้ห่างไกลเป้าหมายของชีวิตมาก
เลยออกมาชกมวย เพราะเห็นแชมป์โลก ชาติชาย เชี่ยวน้อย ชกได้เงินครั้งละเป็นแสน
แต่คุณแม่ขอร้องให้เลิก ก็ไม่ดื้อครับ เลิกชกมวย
แล้วก็เข้ากรุงเทพทำงานในห้องอาหาร แต่มาติดเหล้าและผู้หญิง คุณสมคิดเรียกว่าเป็นโรค ภูมิคุ้มกันความเลวบกพร่อง
แล้วก็เป็นแม่อีกที่ขอให้เลิก คุณสมคิดก็ทำตาม และแม่ฝากให้ทำงานที่การบินไทย ฝากกับเจ้านายของแม่ที่แม่ไปทำงานบ้านด้วย
ทำงานการบินไทย แล้วเปลี่ยนไปทำสายการบินต่างชาติ
ตอนแรกเขาให้ไปล้างห้องน้ำ เสียใจ ล้างห้องน้ำไป ร้องไห้ไป
จน ทางสายการบินเขาหาคนจัดการการบริการบนเครื่อง คุณสมคิดจึงไปสมัครเพราะเคยทำเมื่ออยู่การบินไทย แล้วก็จัดการได้ดี การงานเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำงานหนักจนเลือดออกทางจมูก เลยต้องหยุดพัก
กลับมาใช้ชีวิตเมืองไทย อกหักครับ เลยตั้งเป้าหมายใหม่อีกครั้ง ๕ ข้อ ของเดิมสำเร็จหมดแล้วนะครับ แม้แต่ข้อสุดท้าย มีแฟนเป็นนางงาม!
จำเนื้อหาห้าข้อหลังไม่ได้หมด จำได้เลาๆ ว่ามีเรื่องอยากมีชื่อเสียงเหมือนพี่เบิร์ด
ช่วง นี้คุณสมคิดเริ่มฝึกฝนการเขียน ฝึกไปเรื่อยๆ มีเกร็ดจากหนังสือขายดี Outlier ที่เคยได้ทราบมาว่า ต้อง ๑๐,๐๐๐ ชั่วโมงครับ สำหรับการฝึกฝน รับรองได้ดีแน่นอน
คุณสมคิดก็น่าจะฝึกถึงนะครับ วันหนึ่งบทความที่เขาเขียนเลยได้ลงหนังสือพิมพ์ ทำให้รู้ว่าสิ่งที่ฝึกฝนสัมฤทธิ์ผล
เรื่องที่ทำช่วงนี้คือปั้นนักพูด ปั้นนักเขียน จัด Event สุดท้ายก็เขียนหนังสือขายดีหลายเล่ม จนมีชื่อเสียงตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
แนวคิดเด็ดๆ อีกเรื่องคือเมื่อชอบไปเที่ยวรีสอร์ท ก็ปรับปรุงบ้านให้กลายเป็นรีสอร์ทเสียเลย จะได้อยู่รีสอร์ททุกวัน
ช่วงนี้ชีวิตผมอยู่คอนโดก็เหมือนอยู่โรงแรมทุกวันเลยครับ บรรยากาศเป็นอย่างนั้น ไม่ค่อยเหมือนอยู่บ้านเลย แต่ก็ลงตัวในวิถีคนเมืองนะ
เทคนิคการเขียน เท่าที่จำได้ เช่น
ต้องตั้งชื่อเรื่องให้โดนใจ
หาแนวนักเขียนต้นแบบมาปรับใช้ ของคุณสมคิด เช่น
1. พิษณุ นิลกลัด ที่นำคำของกีฬาต่างชนิดมาใช้ปนกัน
2. หมู่โฮม ที่อ่านแล้วจะเดาตอนจบไม่ถูก
แล้วก็เอาจุดเด่นของนักเขียนที่คุณสมคิดชื่นชอบมาผสมรวมเป็นตัวเขา
ส่วนของเราน่ะหรือ นักเขียนต้นแบบโดนๆ คือ
1. หนุ่มเมืองจันท์ เขียนได้ไหลลื่น น่าอ่านมาก
2. พี่จิก-ประภาส ชลศรานนท์ ได้ความรู้ แนวคิดทุกครั้งที่อ่าน
3. จำลอง ฝั่งชลจิตร ถ้าเรื่องสั้นต้องคนนี้ครับ
4. พี่จุ้ย แกชอบยุให้ฝันบ่อยดี
5. นิ้วกลม คนรุ่นใหม่ที่บทบันทึกต่างๆ เข้าตา เข้าใจ มาก ชอบเวลาเขาเขียนแนวธรรมะเหมือนในเล่ม กัมพูชาพริบตาเดียว ครับ คมคาย ได้ใจ
ก็คงต้องจับทางแล้วนำมาปรับใช้กับเราครับ
เนื้อเรื่องก็ต้องน่าสนใจ พร้อมทั้งทิ้งท้ายให้คนอ่านได้คิดต่อด้วย
สุด ท้ายก็จบที่ทางธรรมครับ คุณสมคิดบอกว่าความสุขที่สุดก็ตอนได้มาปฏิบัติธรรมนี่แหละครับ เพื่อทราบครับท่านทั้งหลายที่แสวงหาความสุขกันอยู่
คติทิ้งท้ายจากชายคนนี้ "การออกกำลังกายที่ดีที่สุด คือการก้มช่วยเหลือคนที่ล้มลง"
นี่แหละครับ ชีวิตสุดขั้วของชายคนนี้ สมคิด ลวางกูร
ยินดีที่ได้รู้จักครับ ที่มา: http://www.oknation.net/blog/preephati/2009/12/24/entry-1