วันเสาร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ตัวอย่างการคิดเชิงยุทธศาสตร์

ข้อความจากบทความเจาะจุดแข็ง "ชัยชนะในทางยุทธวิธีนั้นไม่มีทางชดเชยความเสียหายด้านยุทธศาสตร์ได้" จะเห็นได้ว่าการคิดเชิงยุทธศาสตร์มีความสำคัญยิ่งยวด การดำเนินชีวิตหากอยากประสบความสำเร็จ มีความสุข ร่ำรวยเงินทอง ต้องฝึกคิดเชิงยุทธศาสตร์(ความเห็นส่วนตัวครับ) เช้าวันอาทิตย์ผมจึงลองค้นหาจาก google เพื่อดูหลักการ ตัวอย่าง การคิดเชิงยุทธศาสตร์ ผมได้เจอบทความชื่อ รัฐบาลอยู่นาน…..ถ้าคิดเชิงยุทธศาสตร์ จากเวบไซต์ไทยโพส เขียนโดยศ.นพ.ประเวศ วะสี




1.ถ้าคิดด้วยอารมณ์ เอามันสะใจ เสี่ยงต่อการเกิดมิคสัญญีกลียุค
       สังคม ไทยที่กำลังร้อนระอุด้วยพายุอารมณ์แห่งความโกรธ ความเกลียด ความแค้น ความต้องการเอาคืน สุ่มเสี่ยงต่อการเดินเข้าไปสู่จุดพลิกผัน (Tipping Point) ที่เกิดมิคสัญญีกลียุค การคิดเชิงยุทธศาสตร์หมายถึงการคิดด้วยปัญญา รู้เท่าทันว่าทำอะไรแล้วจะเกิดอะไร แล้วทำตามยุทธศาสตร์ ไม่ทำตามอารมณ์รักหรือชัง ให้บ้านเมืองบรรลุเป้าหมายที่ดี ผมยกตัวอย่างการคิดเชิงยุทธศาสตร์ 2 ตัวอย่าง หลายครั้งแล้ว คือ
      หนึ่ง เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลงหมาดๆ อังกฤษมีการเลือกตั้งทั่วไป คนอังกฤษรักเชอร์ชิลล์ ซึ่งเป็นวีรบุรุษสงคราม แต่ไม่เลือกเชอร์ชิลล์กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะรู้ว่าถ้าเชอร์ชิลล์กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีจะไม่ปล่อยอินเดียเป็นอิสระ อังกฤษจะต้องไปทำสงครามกับอินเดียอีก ซึ่งคนอังกฤษไม่ต้องการ เขาจึงโหวตเชิงยุทธศาสตร์ ไม่เอาอารมณ์รักเชอร์ชิลล์มาเป็นเกณฑ์
      สอง กองทัพแดงของเหมาเจ๋อตงเกลียดเจียงไคเช็กเข้าไส้ เพราะเมื่อคราวเดินทัพทางไกลขึ้นไปสู่เยนาน เจียงไคเช็กส่งกองทัพมาไล่ฆ่าพลพรรคแดงตายไปตั้งครึ่ง เมื่อนายพลจางโซเหลียงฝ่ายคอมมิวนิสต์จับเจียงไคเช็กได้ที่เมืองซีอาน แทนที่จะฆ่าเจียงไคเช็กให้สมกับความแค้น โจวเอินไหลกลับเป็นผู้มาปล่อยเจียงไคเช็กด้วยตนเอง เพราะยุทธศาสตร์คือ รวมตัวกันเอาชนะญี่ปุ่น ไม่ใช่ฆ่าเจียงไคเช็กด้วยอารมณ์ นี่คือการคิดเชิงยุทธศาสตร์
 คนไทยใช้อารมณ์รัก ชัง ต่อสู่กันไปมาเกือบ 100 ปีแล้ว ถึงเวลาที่ทุกฝ่ายน่าจะคิดเชิงยุทธศาสตร์ให้บ้านเมือง ถ้าข้ามมิคสัญญีกลียุค เกิดประชาธิปไตยที่แท้จริงและความสงบสุข

2.ตามสภาพความเป็นจริง…เครือข่ายทักษิณทรงพลังมหาศาล
      การ คิดเชิงยุทธศาสตร์ต้องดูสภาพความเป็นจริง ไม่ใช่ตามที่ควรเป็นหรืออยากให้เป็น ตามสภาพความเป็นจริงเครือข่ายทักษิณทรงพลังมหาศาลโดยเฉพาะหลังรัฐประหาร 2549 ทักษิณเป็นผู้นำคนเดียวในประวัติศาสตร์ที่ภายหลังถูกรัฐประหาร แล้วสามารถต่อสู้เอาชนะกลับมามีอำนาจได้อีก พลังมหาศาลที่ว่านี้ประกอบด้วย
 (1) พรรคการเมือง คือ พ.ท. เพื่อการต่อสู้ในระบบรัฐสภา
 (2) มวลชนคนเสื้อแดง
 (3) อาจได้รับการสนับสนุนจากกองกำลังติดอาวุธ
 (4) อำนาจการสื่อสารทั้งในประเทศและต่างประเทศ
 (5) สามารถว่าจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์และทนายต่างประเทศเพื่อการสนับสนุนทางสากล
 (6) กำลังทรัพย์มหาศาลที่อยู่เบื้องหลัง
 ทั้งหมดรวมกันเป็นพลังต่อสู้อันมหาศาล ที่ไม่มีฝ่ายใดทนได้

      ฉะนั้น เมื่อกองทัพทำรัฐประหาร 2549 ก็ดี เมื่อพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลช่วง 2-3 ปีก่อนก็ดี จึงเผชิญกับพลังต่อสู่อันมหาศาลนี้ เกิดความรุนแรงจนมีคนไทยต้องบาดเจ็บล้มตาย เกิดบาดแผลทางสังคมกันต่อมา ในที่สุดพรรคเพื่อไทยก็ชนะเลือกตั้งมาเป็นรัฐบาลในปัจจุบัน นี้พูดตามสภาพความเป็นจริงของการต่อสู้ ไม่ได้พูดเชิงศีลธรรมว่าใครผิดใครถูกอย่างไร

3.ตามตรรกะ…เมื่อเพื่อไทยเป็นรัฐบาล บ้านเมืองควรจะสงบ
      เมื่อ ฝ่ายที่มีกำลังมากชนะแล้วทำการปกครอง บ้านเมืองก็ควรสงบ เหมือนเมื่อเสือ 2 ตัว ต่อสู้กันเพื่อแย่งกันเป็นจ่าฝูง เมื่อกำลังยังคือๆ กัน การต่อสู้ก็รุนแรงยืดเยื้อ เลือดตกยางออก แต่เมื่อตัวหนึ่งชนะ ตัวที่แพ้ตายไปหรือหนีไป ก็เกิดความสงบ
     ตามปกติฝ่ายที่เป็นรัฐบาลย่อมไม่อยากให้เกิดความรุนแรง ถ้าเกิดความรุนแรงขึ้นไม่ว่าเพราะเหตุใด รัฐบาลจะเป็นฝ่ายลำบาก
     การ คิดเชิงยุทธศาสตร์ตรงนี้ก็คือ ไม่ควรมีการคิดล้มรัฐบาล ไม่ว่าด้วยการรัฐประหาร หรือวิธีใดอื่น เพราะพลังต่อสู้ของเครือข่ายทักษิณอันมหาศาล 6 ประการยังคงอยู่ ก็จะเกิดการต่อสู้รุนแรงเหมือนช่วง 2551-2553 อีก หรือแรงกว่า
     รัฐบาลก็ ไม่ควรกลัวว่าใครจะมาล้มรัฐบาลได้ ถ้ากลัวคนอื่นจะมาล้มรัฐบาล จะทำให้วางยุทธศาสตร์ผิด รัฐบาลที่มีกำลังขนาดนี้คนอื่นล้มไม่ได้ จะล้มก็เพราะตัวเอง การต่อสู้เพื่อเอาชนะกับการบริหารชัยชนะเพื่อรักษาอำนาจและเพื่อประโยชน์ของ บ้านเมือง ไม่เหมือนกัน จะกล่าวถึงเรื่องนี้ในตอน 5 คนในเครือข่ายรัฐบาลควรจะคิดเชิงยุทธศาสตร์ว่าถ้าไปทำอะไรที่ก่อให้เกิดความ รุนแรง รัฐบาลจะลำบาก

4.เมื่อไม่ควรคิดล้มรัฐบาล ก็ควรคิดช่วยให้รัฐบาลทำงานได้ผล
      ถ้า คิดตามตรรกะ ว่าไม่ควรคิดล้มรัฐบาล ก็หมายถึงรัฐบาลจะอยู่นาน ถ้ารัฐบาลอยู่นานแล้วสามารถทำงานได้ผล บ้านเมืองก็ดีขึ้น แต่ปัญหาปัจจุบันทั้งภายในและภายนอกประเทศมีความซับซ้อนและยากยิ่ง ไม่มีรัฐบาลใดๆ สามารถทำงานให้สำเร็จได้ด้วยการใช้อำนาจแบบเดิมๆ โดยปราศจากความรู้และการมีส่วนร่วมของสังคม ยามวิกฤติคนไทยทุกภาคส่วนควรจะรวมตัวกันก้าวข้ามสภาวะวิกฤติให้ได้ รัฐบาลเองก็ควรจะตระหนักรู้ว่าถ้าต้องการอยู่ให้ได้นานและทำงานได้ผล ไม่สามารถทำโดยใช้อำนาจอย่างเดียว แต่ต้องเปิดพื้นที่ทางสังคมและพื้นที่ทางปัญญาอย่างกว้างขวาง ต่อไปนี้เป็นหลักการ 7 ประการที่คนไทยควรจะมีความมุ่งมั่นร่วมกัน
 (1) อนาคตของประเทศไทยต้องมุ่งมั่นร่วมกันในการสร้างความเป็นธรรมและลดความ เหลื่อมล้ำ คนไทยทุกคนจะต้องมีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน
 (2) การจะสร้างความเป็นธรรมได้ คนไทยต้องมีจิตสำนึกใหม่ และมีการปฏิรูปโครงสร้างอำนาจ
 (3) การคิดเชิงอำนาจและโครงสร้างอำนาจ ทำให้สังคมไทยอ่อนแอทางปัญญา ไม่มีสมรรถนะพอที่จะเผชิญกับความซับซ้อนและความยากของสังคมปัจจุบันได้ เสี่ยงต่อการเกิดสภาวะรัฐล้มเหลว เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ที่ใครจะแก้ไขได้ง่ายๆ ถ้าไม่ร่วมกันทำความเข้าใจอย่างจริงจัง
 (4) การกระจายอำนาจไปให้ชุมชนจัดการตนเอง ท้องถิ่นจัดการตนเอง และจังหวัดจัดการตนเองให้ได้มากที่สุด จะลดความตึงเครียดของประเทศ ลดภาระหนักอึ้งของรัฐบาลและราชการในส่วนกลางลง เปิดโอกาสให้ทำงานมีคุณภาพมากขึ้น
 (5) ความยากจนและความอยุติธรรมในสังคมจะแก้ไขไม่ได้ ถ้าไม่ปฏิรูปที่ดิน ปฏิรูประบบภาษี และการจัดการใช้ทรัพยากรอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน ปฏิรูประบบความยุติธรรม บ้านเมืองจะไม่มีวันสงบสุขถ้าเราไม่สามารถแก้ความยากจนและความอยุติธรรมใน สังคมได้
 (6) ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเรื่องสำคัญ เป็นเรื่องปฏิรูปโครงสร้างอำนาจ ซึ่งไม่มีใครทำได้ นอกจากประชาชนตื่นตัวทางการเมืองและเข้ามามีบทบาทในการปฏิรูป ฉะนั้นอย่าไปตกอกตกใจกับการที่ประชาชนกำลังมีความตื่นตัวทางการเมือง ไม่ว่าจะสีแดง สีเหลือง สีอะไรๆ หรือไม่มีสี ในที่สุดประชาชนที่ตื่นตัวทางการเมืองจะค้นพบเองว่าเขาต้องปฏิรูปโครงสร้าง อำนาจ บ้านเมืองจึงจะเกิดความสงบสุข ไม่ตกเป็นเบี้ยของการแย่งชิงอำนาจในส่วนบน ซึ่งยัดเยียดความตายมาสู่เขา และไม่เกิดประโยชน์อย่างแท้จริงแก่ประชาชน
      คนไทยต้องไม่โกรธไม่เกลียด ประชาชนที่ตื่นตัวทางการเมืองเหล่านี้ ไม่ว่าเขาจะรักหรือเกลียดทักษิณ ไม่ว่าเขาจะนิยมหรือไม่นิยมสถาบัน คนเราต่างจิตต่างใจ มีเหตุปัจจัยและพื้นฐานต่างๆ กันไป ที่จะรักหรือไม่รักใครหรืออะไร เป็นธรรมดาเช่นนั้นเอง ไม่ควรจะเอามาเป็นเหตุที่ทำให้คนไทยต้องฆ่ากัน ที่สำคัญกว่าคือ ทุกคนล้วนเป็นเพื่อนมนุษย์ เป็นเพื่อนคนไทยของเรา ลูกหลานของเราจะต้องสามารถอยู่ร่วมกันบนแผ่นดินนี้อย่างมีเกียรติและมีความ สุข
 เปลี่ยนมุมมองจากความเกลียดชังเป็นความรักเพื่อนมนุษย์ แผ่นดินจะเย็นลง
 (7) ระบบการศึกษาและระบบการสื่อสารควรจะเป็นเครื่องมือสร้างความเข้มแข็งทาง เศรษฐกิจ จิตใจ สังคม และสติปัญญาให้คนทั้งชาติ จำเป็นต้องได้รับการปฏิรูปให้เป็นพลังที่พาชาติออกจากวิกฤติได้อย่างรวดเร็ว ลำพังนักการศึกษาคงจะทำไม่ได้ แต่ต้องอาศัยคนไทยทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมอย่างแข็งขัน
      หลัก 7 ประการข้างต้นล้วนเป็นเรื่องยาก ไม่มีรัฐบาลใดๆ ไม่ว่าจะเก่งเท่าใด จะทำได้ตามลำพัง ต้องอาศัยการขับเคลื่อนทางปัญญาและขับเคลื่อนทางสังคมเข้ามาบรรจบกับการใช้ อำนาจรัฐ ที่เรียกว่า “สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา” ภูเขานี้ถ้าเขยื้อนได้ ประเทศไทยจะสงบสุข จึงไม่ควรที่ทุกฝ่ายจะนิ่งดูดาย ให้รัฐบาลตะเกียกตะกายไปตามลำพัง เพราะถ้ารัฐบาลล้มเหลว บ้านเมืองของเราก็ล้มเหลว
 การร่วมมือกับรัฐบาลไม่ได้หมายความว่าไม่มีการตรวจสอบความถูกต้อง

5.การบริหารชัยชนะยากกว่าการบริหารการต่อสู้…ยุทธศาสตร์ของรัฐบาล
      แม้ ฝ่ายรัฐบาลจะมีพลังเหนือคู่ต่อสู้มากดังที่กล่าวในตอน 2 ก็อย่าประมาท เพราะการบริหารชัยชนะยากกว่าการบริหารการต่อสู้ เพราะในการต่อสู้ทุกคนมีจุดมุ่งหมายเดียวกันที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้ แต่เมื่อชนะแล้วต้องแบกภาระในการบริหารบ้านเมืองให้ได้ผลซึ่งยาก และฝ่ายต่างๆ ที่ร่วมต่อสู้ด้วยกันมาก็มีความคาดหวังต่างๆ กัน เช่น บางคนหวังผลตอบแทนในเรื่องตำแหน่งและผลประโยชน์ ทำให้ต้องประนีประนอมในเรื่องสมรรถนะในการทำงาน ทำให้รัฐบาลอ่อนแอ
     ตัวอย่าง ในประวัติศาสตร์มีมากมายที่ฝ่ายที่ชนะในการต่อสู้ไม่สามารถรักษาอำนาจไว้ได้ เช่น จิ๋นซีฮ่องเต้ ผู้ปราบแคว้นทั้ง 7 ได้รวมแผ่นดินจีนเป็นหนึ่งเดียว ต้องมีพลังมหาศาลจึงทำเช่นนั้นได้ และหวังว่าราชวงศ์ของพระองค์จะดำรงอยู่ได้หมื่นปี แต่อยู่ได้ 15 ปีก็เจ๊งแล้ว หรือเขมรแดงยึดอำนาจได้มาบริหารประเทศก็ไปไม่รอด ตัวอย่างอื่นๆ ยังมีอีกมาก
     ไม่ควรมีคนมาคิดล้มรัฐบาล แต่รัฐบาลต้องระวังอย่าให้ล้มเพราะตัวเอง ฝ่ายเสนาธิการของรัฐบาลและคุณทักษิณควรจะคิดเชิงยุทธศาสตร์ว่าจะใช้อำนาจที่ มีในทางที่ถูกต้องที่ควรอย่างไร ถ้าคิดเพื่อตัวเองก็ไม่คุ้ม และจะแพ้ แต่ถ้านำพลังมหาศาลที่มีมาสร้างความถูกต้องเป็นธรรม รัฐบาลก็จะอยู่ได้นาน ผู้คนสรรเสริญ
   การคิดชิงยุทธศาสตร์นี้ขอฝากไว้กับเพื่อนคนไทยทุกภาคส่วน.

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

 

Copyright © ไอเดียชีวิต Design by O Pregador | Blogger Theme by Blogger Template de luxo | Powered by Blogger