วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

วิหารวัดโพธิ์เก้าต้น

0 ความคิดเห็น
วิหารวัดโพธิ์เก้าต้น 

อธิบาย วิหารวัดโพธิ์เก้าต้น 

ชาวบ้านบางระจัน


วิหารวัดโพธิ์เก้าต้น สิงห์บุรี 

เมื่อพ.ศ.๒๓๐๘ กองทัพพม่ายกมารุกรานกรุงศรีอยุธยา ตั้งค่ายล้อมประชิดเมืองต่างๆ รอบพระนคร และปล้นสะดมชาวบ้าน ชาวเมืองสิงห์บุรี จึงรวมกำลังกันต่อสู้จนทหารพม่าล้มตายเป็นจำนวนมาก และตั้งเป็นค่ายเพื่อต่อสู้พม่าที่วัดโพธิ์เก้าต้น ต. บางระจัน และนิมนต์พระอาจารย์ธรรมโชติ วัดเขานางบวช แขวงสุพรรณบุร ีซึ่งชาวบ้านนับถือกันว่า เป็นผู้รู้วิทยาคมมาช่วยคุ้มครองที่วัดโพธิ์เก้าต้นด้วย

เมื่อพม่ารู้ข่าวการต่อต้านของชาวบ้านบางระจัน จึงโจมตีค่ายบางระจันถึงเจ็ดครั้ง แต่ก็แตกพ่ายกลับมาทุกครั้ง จนครั้งที่๘ แม่ทัพพม่าได้แต่งตั้งชาวมอญคนหนึ่ง ที่เคยอาศัยอยู่ในกรุงศรีอยุธยามานานจนรู้ชั้นเชิงการรบของทหารไทย ให้ดำรงตำแหน่งสุกี้(นายกองใหญ่) ใช้วิธีตั้งค่ายแล้วยิงปืนต่อสู้อยู่ในค่าย โดยไม่ยกทหารมาต่อสู้กลางแจ้ง ชาวบ้านบางระจันเข้าตีค่ายนี้หลายครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะไม่มีปืนใหญ่ยิงทำลายค่าย เมื่อขอปืนใหญ่จากกรุงศรีอยุธยา แต่ทางอยุธยาไม่ยอมให้ ชาวบ้านบางระจันจึงเรี่ยไรข้าวของเครื่องใช้ ทองเหลือง ทองขาว หล่อปืนใหญ่ แต่ปืนแตกเสียใช้การไม่ได้ ฝ่ายพม่าก็ขุดอุโมงค์เข้าตีประชิดค่ายบางระจัน แล้วใช้ปืนใหญ่ยิงทำลายจนค่ายบางระจันแตกในที่สุด


"เราน้อย  แต่เราแน่"

Read more ►

หัวโขน

0 ความคิดเห็น
เป็นรามลักษณ์ยักษ์ลิงแน่จริงหรือ? 
แท้ก็คือหัวโขนเขาโยนใส่ 
พอจบบทหมดเรื่องถอดเครื่องไป 
เดิมเช่นไรก็เป็นเหมือนเช่นเดิม 

ใครคิดอวดศักดาว่ายิ่งใหญ่ 
ประพฤติในความกร่างอย่างฮึกเหิม 
พบผู้ด้อยยิ่งกระหน่ำเข้าซ้ำเติม 
เบ่งตัวใหญ่กว่าเดิมไม่เกรงใคร 

เมื่อถึงวันทัณฑโทษโลดรุกฆาต 
เรือกระดาษสิ้นศักดิ์เขาผลักไส 
จมกระแสเชี่ยวกลางชลาลัย 
เหลือเพียงร่างทิ้งไว้ไร้วิญญาณ 

มาอย่างไรกลับไปอย่างมือเปล่า 
ไร้เดือนดาวศักดิ์ยศหมดเรียกขาน 
สิ้นทรัพย์ที่สะสมมาเนิ่นนาน 
รักและชังสิ้นกาลในทรงจำ 

แม้นก่อนตายคลายอำนาจวาสนา 
ไร้ผลบุญนำพาอุปถัมภ์ 
หมดสิ้นฐานชูคออย่างเคยทำ 
ต้องชอกช้ำเพราะหัวโขนโดนยึดไป 
ขอบคุณบทกลอนจาก
 http://thaimisc.pukpik.com/freewebboard/php/vreply.php?user=dokgaew13&topic=1468


Read more ►

วันอังคารที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2556

สุขภาพหัวใจ

1 ความคิดเห็น
 ตลอด ระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา บ้านเรากลายเป็นอีกหนึ่งประเทศที่เข้าสู่ภาวะสังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้มีผลการศึกษาของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เผยว่า ใน พ.ศ.2550 ไทยมีผู้สูงอายุราว 1 ใน 10 ของประชากร และคาดว่าเมื่อถึง พ.ศ.2573 จะมีเพิ่มขึ้นเป็น 1 ใน 4 ของจำนวนประชากร



 การที่ในสังคมมีผู้สูงอายุเป็นจำนวนมาก หมายถึงคนมีอายุยืนยาวขึ้น เมื่อสภาพการณ์เป็นเช่นนั้น คนเราควรดูแลสุขภาพตนเองให้ดีก่อนเข้าวัยชรา และในครั้ง มุมสุขภาพ ขอแนะนำเคล็ดลับการดูแลสุขภาพหัวใจ ข้อมูลควรรู้จากงานเฮลธี 50 พลัส ของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ที่จัดไปเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา
 8 วิถีเพื่อสุขภาพหัวใจ เริ่มจาก รู้จักตัวเอง โดย พฤติกรรมส่วนตัว และการดำเนินชีวิตเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ เช่น การกิน การออกกำลังกาย การเลิกสูบบุหรี่ ตามด้วย  ผ่อนคลายความเครียด เนื่องจากมีผลทำให้ความดันโลหิต และระดับฮอร์โมนความเครียดเพิ่มสูงจนเป็นอันตราย
 ต่อมา ลดน้ำหนักส่วนเกิน เพราะเป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง นำไปสู่โรคหัวใจทั้งสิ้น จากนั้น 'รับประทานอาหารที่มีประโยชน์' แนะให้ลดอาหารที่มีไขมันมาก และไขมันแปลงสภาพ ควรรับประทานผักและผลไม้ โปรตีนไขมันต่ำในปริมาณที่พอเหมาะ
 พร้อมทั้งอย่ามองข้าม ตรวจสุขภาพเป็นประจำ การตรวจสุขภาพช่วยให้พบปัญหาที่อาจกลายเป็นอันตรายได้ตั้งแต่ในระยะแรกเริ่ม ควบคุมความดันโลหิต ความดันโลหิตสูงเป็นสาเหตุพื้นฐานของโรคหัวใจ ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ก่อให้เกิดความดันสูง
 นอกจากนี้ คือ อย่าอยู่เฉย การออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 4-5 ครั้ง ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและโรคอื่นๆ ได้อย่างน่าอัศจรรย์ สุดท้าย งดบุหรี่ เพราะเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจที่ร้ายแรง เนื่องจากเต็มไปด้วยสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อหัวใจและระบบไหลเวียนโลหิต

ปฏิบัติตาม 8 วิถีข้างต้น ยามแก่ชราย่อมมีหัวใจที่แข็งแรงแน่
Read more ►

ทำอย่างไรไม่ให้ยอมแพ้

0 ความคิดเห็น
บทความนี้ผมได้คัดลอกมาจากเวบๆหนึ่ง 
ผมอ่านแล้วคิดว่าสามารถสร้างกำลังใจได้ 
บทความมีชื่อว่า
หมดหวัง..ท้อแท้ในชีวิต..คิดอย่างไรให้ใจสู้..  
แต่ผมอ่านแล้วผมอยากตั้งชื่อบทความนี้ว่า
"ทำอย่างไรไม่ให้ยอมแพ้" ครับ   
ในช่วงเวลาที่ผ่านมาของชีวิต..
หลายคนคงผ่านบทเรียนแห่งชีวิตมานับไม่ถ้วน..
ทั้งบทเรียนแห่งความผิดหวัง..
บทเรียนแห่งความท้อแท้..แพ้ชีวิต..
บทเรียนแห่งความสำเร็จ..

ไม่ว่าจะเป็นบทเรียนใด ๆ ก็ตาม..
เมื่อเราเกิดความผิดหวัง...ท้อแท้..ในชีวิต..
เราต้องพยายามปรับใจ..วางใจให้ถูก..
ด้วยวิธีการคิดที่จะปรับเปลี่ยน..ชีวิตของเรา..
ให้มีกำลังใจ..สู้ต่อไป..

๔ วิธีคิดที่จะสร้างพลังใจให้สู้ คือ..
วิธีที่ ๑ คิดแบบตรงกันข้ามกับความรู้สึกในขณะนั้น เช่น
>>>…ถ้าทุกข์ ก็คิดสร้างสุข
>>>…ถ้ายากก็คิดแบบง่าย...
>>>…ถ้าเกิดปัญหา ก็คิดแก้ปัญหา..

วิธีที่ ๒ คิดแบบสร้างกำลังใจ เช่น
>>>…ปลุกปลอบใจตนเอง...ทุกครั้งที่เกิดความท้อแท้..ผิดหวัง
>>>…บอกตนเองเสมอว่า..เราต้องทำได้..เราต้องทำได้อย่างแน่นอน..
>>>…เราต้องทำได้แน่นอนที่สุด..ไม่มีคำว่า..ทำไม่ได้..
>>>…ท่องไว้ในใจว่า..ไม่มี ไม่เป็น ไม่เหนื่อย...
>>>….ไม่ทุกข์ ไม่ท้อ ไม่หนี ไม่มีปัญหา...

วิธีที่ ๓ คิดแบบมีเป้าหมายในชีวิตที่แน่นอน มุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว..
>>>…หากยังไม่ประสบความสำเร็จ..
>>>…ก็จะไม่เลิก ลด ละ ความเพียรพยายาม..
>>>…จงสู้ต่อไปจนกว่าจะประสบความสำเร็จ..
>>>…แม้จะเป็นวินาทีสุดท้ายของลมหายใจก็ตาม..

วิธีที่ ๔ คิดใหญ่ไม่คิดเล็ก..
>>>…มองปัญหาออก..แก้ปัญหาเป็น..
>>>…คิดการใหญ่...ใช้คนเป็น..รู้เห็นตามความถูกต้อง..
>>>…มุ่งปรองดอง...รักษาน้ำใจ..สร้างมิตรภาพ..
>>>…อย่าลืมว่า.. “ยิ่งสูงยิ่งหนาว” ...
>>>…ต้องคิดดี..ทำดี..พูดดี..ทุกที่ทุกเวลา...

ดังนั้น.. ถ้าท้อแท้..หมดหวังในชีวิต..
จงพยายามคิดให้ใจสู้...
อย่าเชื่อว่า...เราทำไม่ได้..ถ้ายังไม่ได้ลงมือทำ..
อย่าท้อแท้..ตราบใดที่เรายังไม่ได้พยายาม..
อย่าสิ้นหวัง...ตราบใดที่เรายังมีกำลังใจ..
อย่าแพ้ชีวิต...ตราบใดที่ใจของเรายังมีหวัง..
จงอย่าทำลายความหวัง...เพียงเพราะ....
การดูหมิ่นตนเองว่า... “ทำไม่ได้”...



บทความโดย..ชายน้อย..
Read more ►

วันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

กำหมัดเพิ่มความจำ

0 ความคิดเห็น

 ผลวิจัยล่าสุดของนักจิตวิทยาจากมหา วิทยาลัยมอนต์แคลร์สเตท รัฐนิวเจอร์ซี สหรัฐอเมริกา เปิดเผยเมื่อเร็วๆ นี้ ระบุว่า การกำมือแน่นๆ ช่วยให้ความจำดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้ความสามารถในการระลึกความทรงจำเก่าๆ กลับคืนมาได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

  นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยมอนต์แคลร์สเตท รัฐนิวเจอร์ซี สหรัฐอเมริกา เปิดเผยผลวิจัยว่า การกำมือแน่นๆ ช่วยให้ความจำดีขึ้น โดยได้ทำการทดลองกับอาสาสมัครผู้ใหญ่จำนวน 50 คน ให้จดจำคำศัพท์จากลิสต์คำศัพท์จำนวนมากขณะที่ทดลองกำมือไปด้วย พบว่าการกำมือขวาเป็นเวลา 90 วินาทีจะช่วยให้การจดจำสิ่งใหม่ๆ ทำได้ดีขึ้น ในขณะที่การกำมือซ้ายด้วยเวลาเท่าๆ กันจะช่วยให้การเรียกคืนความทรงจำเก่าๆ ทำได้ดีขึ้น

  ด้านนายรูธ พรอพเพอร์ หัวหน้าที่วิจัยในครั้งนี้ระบุว่า ผลการวิจัยชี้ว่าการเคลื่อนไหวร่างกายธรรมดาๆ เช่น การกำมือขวาก่อนเรียนรู้ข้อมูลต่างๆ และการกำมือซ้ายก่อนจะเรียกคืนความทรงจำนั้นสามารถปรับปรุงระบบความทรงจำได้ โดยปรากฏการณ์ดังกล่าวเป็นการเปลี่ยนการทำงานของสมองชั่วคราว

  ทั้งนี้ งานวิจัยก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นว่าการกำมือซ้ายและมือขวาสามารถกระตุ้นการทำงานของสมองซีกตรงกันข้ามได้ รวมถึงยังมีความสัมพันธ์กับอารมณ์ด้วยเช่นการกำมือขวาเชื่อมโยงกับความความสุขและความโกรธ ในขณะที่การกำมือซ้ายเชื่อมโยงกับความเศร้าและความวิตกกังวล

  ทีมวิจัยระบุว่า การวิจัยต่อเนื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจะต้องศึกษาถึงความเชื่อมโยงของการกำมือกับกระบวนการอื่นๆ ด้วยหรือไม่ เช่นคำพูด ความสามารถด้านมิติสัมพันธ์การจดจำภาพหรือสถานที่ ฯลฯ อย่างไรก็ตามผู้วิจัยระบุว่าจำเป็นที่จะต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมที่มีขนาดใหญ่กว่านี้เพื่อยืนยันผลการทดลองดังกล่าว

ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน
Read more ►

วันอังคารที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2556

คุณค่าชีวิต

0 ความคิดเห็น
   
      เกิด แก เจ็บ ตาย แม้เป็นสิ่งที่เรามองว่าเป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีใครที่สามารถเลี่ยงได้
แต่เมื่อสัจธรรมเหล่านั้นก้าวย่างเข้าใกล้เราหรือคนใกล้ตัวก็เป็นเรื่องยากที่จะทำใจ
ถึงแม้จะเป็นเรื่องยาก แต่ก็ต้องยอมรับ นอกจากการยอมรับก็คือการเรียนรู้
ประเด็นที่จะเรียนรู้จากเรื่องนี้คือ การใช้ชีวิตอย่างไรให้คุ้มค่า ไม่เสียชาติเกิด 

      มีผู้ที่ทำอาชีพหนึ่ง เป็นอาชีพที่มีหน้าที่ดูแลผู้ป่วยที่อยู่ในระยะสุดท้าย
ซึ่งขอกลับไปอยู่ที่บ้านเพื่อรอวันตาย  ผู้ที่ทำอาชีพนี้จะอยู่กับผู้ป่วยประมาณ 2 สัปดาห์สุดท้าย
ช่วงเวลาเหล่านั้นเราสามารถเรียนรู้ว่าผู้ที่กำลังเสียชีวิตนึกเสียใจกับเรื่องอะไรบ้าง
โดยเฉพาะสิ่งที่อยากจะย้อนอดีตกลับไปเปลี่ยนแปลง ซึ่งพบว่ามี 5 ประเด็น


     1.ควรใช้ชีวิตตามความต้องการที่แท้จริงของตัวเอง มากกว่าตามความคาดหวังของคนอื่น
คนที่กำลังจะเสียชีวิตมักมองย้อนกลับไปมองอดีตและจะเห็นชัดเจนว่าอะไรที่อยากทำ/อะไรที่ยังไม่ทำ

     2.ไม่ควรทำงานหนักจนเกินไป   ประเด็นนี้พบมากในผู้ชาย  พวกเขาจะไขว่คว้าและวิ่งตามแต่เงินทองเกียรติยศชื่อเสียง  โดยที่ตัวเองไม่รู้ตัวมาก่อนว่าตัวเองทำเช่นนั้น

     3.ควรกล้าแสดงความรู้สึกของตัวเองให้มากกว่านี้ หลายคนเก็บความรู้สึกของตัวเองไว้ข้างใน เพราะเกรงใจ กลัวขัดใจผู้อื่น แต่ความรู้สึกเหล่านั้นจะนำมาซึ่งความเครียด และบางคนแทบไม่ได้แสดงความรู้สึกดีดีให้กับคนที่ควรจะได้รับรู้้ ซึ่งมันทำให้รู้สึกคั่งค้างอยู่ในใจ

    4. ควรจะอยู่กับเพื่อนๆให้มากกว่านี้ หลายคนรับรู้ความรู้สึกที่แท้จริงจากการได้อยู่กับเพื่อนๆก็ต่อเมื่อตัวเขาเองกำลังจะเสียชีวิตลง หรือเพื่อนๆของเขาเหล่านั้นได้เสียชีวิตลง

    5. ควรจะทำให้ตัวเองมีความสุขมากกว่านี้  เพราะหลายคนที่กำลังเสียชีวิตเพิ่งตระหนักได้ว่า ความสุขนั้นอยู่ที่การเลือกของตัวเราเอง  ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องเลือกอย่างมีสติ ด้วยความฉลาดและซื่อสัตย์

ขอขอบคุณข้อมูลจาก "โรงพยาบาลชุมชน ก้าวใหม่เพื่อคนไทยในอนาคต"

เรื่องที่คุณอาจสนน่าใจ
วิชาสุดท้ายที่มหาวิทยาลัยไม่ได้สอน
ดีืที่สุดในสิ่งที่เป็น
ต่างที่คิดชีวิตจึงต่าง

Read more ►

วันพฤหัสบดีที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2556

หลักการตั้งชื่อแฟ้มข้อมูลให้ให้เกิดปัญหาน้อยที่สุด

0 ความคิดเห็น
ปัญหา ส่วนหนึ่งที่พบในการทำงานคอมพิวเตอร์ ของบุคลากร ไม่ว่าจะในหน่วยงานใดๆ ก็ตาม คือเรื่องเกี่ยวกับการตั้งชื่อไฟล์ ซึ่งเรื่องนี้ใหญ่กว่าที่คิด เพราะว่าถ้าส่วนใหญ่จะตั้งชื่อไฟล์แบบตามใจฉัน และมีมีโอกาสเจอเรื่องราวดี ๆ ได้ เช่น
1.        ใช้ไฟล์งานกับโปรแกรมที่ใช้อยู่ไม่ได้
2.        ใช้ไฟล์งานกับโปรแกรมเดียวกัน แต่คนละเวอร์ชั่นไม่ได้
3.        เวลาส่งไฟล์งานไปให้คนแผนกอื่นที่เกี่ยวข้องแต่ไฟล์มีปัญหา และ
4.        ฯลฯ
            ดังนั้น ในการการตั้งชื่อไฟล์ที่ทำให้มีปัญหาน้อยที่สุด
1.         หลีกเลี่ยงการตั้งชื่อไฟล์เป็นภาษาไทย ควรจะตั้งชื่อไฟล์เป็นภาษาอังกฤษ เนื่องจากภาษาไทยเป็นปัญหาใหญ่อันดับต้น ๆ ในระบบดิจิตอล ซึ่งเรื่องนี้บางคนไม่ทราบ หรือว่าเห็นว่าโปรแกรมเกือบทั้งหมดบน Windows สามารถ รองรับภาษาไทยได้ แต่ความเป็นจริงก็คือ ภาษาไทยในระบบคอมพิวเตอร์เป็น อักษขระที่ซับซ้อนกว่าภาษาอังกฤษเยอะมาก และจะหวังให้ผู้พัฒนาโปรแกรมส่วนใหญ่ หรือเกือบทั้งหมดที่เป็นชาวต่างชาติมาทำความเข้าใจกับภาษาหลักของบ้านเรา คงเป็นเรื่องที่ยากเข้าไปใหญ่ ประกอบกับภาษาไทยในระบบดิจิตอลเอง ยังไม่มีมาตรฐานหรือองค์กรที่รับผิดชอบตรงนี้อย่างจริงจัง ตามที่เข้าใจ เลยทำให้เวลาผู้พัฒนาโปรแกรมต้องการข้อมูลประกอบสำหรับอ้างอิง จึงเป็นเรื่องที่ลำบาก เวลาปัญหาเกิดขึ้นที ก็ต้องหาทางเดาหรือว่าแก้กันเองในหมู่ผู้ใช้ เรื่องนี้เห็นได้ชัดเจนมากกับโปรแกรมพิมพ์และภาษาไทย ที่ไม่ค่อยจะคงเส้นคงวาในเรื่องของ font และอะไรต่าง ๆ การตั้งชื่อไฟล์ภาษาไทย ถ้าโชคดี คุณจะยังใช้งานได้อยู่ แต่อาจจะมีปัญหาเมื่อเปลี่ยนเวอร์ชั่นของโปรแกรม หรือระบบ OS ที่มักจะมีการปรับปรุงในเรื่องของ font และการทำงานเกี่ยวกับ font อยู่ ตลอดเวลา การตั้งชื่อไฟล์เป็นภาษาอังกฤษ จึงสามารถแก้ไขข้อจำกัดตรงนี้ได้ เราไม่จำเป็นต้องใช้คำเลิศหรู เอาคำบ้าน ๆ ที่ตั้งแล้วตัวเองเข้าใจก็พอ
2.         หลีกเลี่ยงการเว้นวรรคในชื่อไฟล์ ตรง นี้ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ การเว้นวรรคทำให้เกิดปัญหาขึ้นได้คือโปรแกรมไม่อ่านไฟล์นั้น ๆ ซึ่งเรื่องนี้ไม่เป็นเฉพาะกับชื่อไฟล์ภาษาไทยเท่านั้น สามารถเกิดได้กับชื่อไฟล์ที่เป็นภาษาอังกฤษได้ด้วย ถ้าต้องการวรรคตอนจริง ๆ สำหรับชื่อไฟล์หลายพยางค์ ควรจะใช้เครื่องหมายขีดกลาง (-) หรือขีดล่าง (_) มาเป็นตัวแบ่งพยางค์แทนครับ เช่น my-room-1.jpgwall-map_1.jpg, wall-map_2.jpg…
3.         หลีกเลี่ยงชื่อไฟล์แบบ default ที่โปแกรม ตั้งมาให้ตอน save ควร จะใช้คำที่สื่อความหมายที่ตัวเราเองเข้าใจและตั้งเองมากกว่า ส่วนใหญ่พวกโปรแกรมแต่งภาพหรือไฟล์ภาพจากอุปกรณ์ต่อพ่วงอื่น ๆ เช่นพวกกล้องดิจิตอล หรือว่าสแกนเนอร์ มักจะตั้งชื่อไฟล์มาให้เราเอง ซึ่งจะเป็นชื่อไฟล์ในแบบที่เครื่องอ่านเข้าใจ แต่คนอ่านไม่รู้เรื่อง เช่น R122003.jpg หรือ PIC00098.jpg อะไรทำนองนี้ เราควรจะตั้ง ให้เกี่ยวข้องกับเนื้อหาหลักของไฟล์หรือภาพนั้น ๆ เพื่อที่ตัวเราเอง หรือแม้แต่ผู้ร่วมงานที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ จะสามารถเข้าใจตัวไฟล์นั้นได้ โดยที่ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเปิดไฟล์ขึ้นมาดู หรือรอรูปตรง preview ให้แสดงผลเสมอไปช่วยให้การทำงานเร็วขึ้นได้ในระดับหนึ่ง
4.         หลีกเลี่ยงชื่อไฟล์ที่ยาวเกินไป การตั้งชื่อไฟล์ที่ดี ควรจะสั้นห้วน และได้ใจความ จริงอยู่ว่าระบบ OS หรือ ว่าโปรแกรมรุ่นใหม่ ๆ ในปัจจุบันรองรับการทำงานกับชื่อไฟล์ยาว ๆ หลายตัวอักษรได้แล้ว แต่ในเรื่องของการใช้งานจริง ถ้าชื่อไฟล์ยาว ๆ มีโอกาสที่ชื่อไฟล์จะแสดงเพียงบางส่วนครับ เช่น my-material-of-the-stand……jpg อะไรทำนองนี้ งงกันไปใหญ่ หรือไม่ก็ต้องเสียเวลาดู preview หรือ เปิดไฟล์นั้นขั้นมาดู การตั้งชื่อไฟล์ที่ดี ควรจะทำให้เราเห็นและเข้าใจได้ในวินาทีนั้นเลยโดยที่ไม่ต้องเปิด หรือทำอะไรอย่างอื่นให้วุ่นวายจะดีที่สุด

ที่มา : http://www.macmuemai.com/content/907
Read more ►
 

Copyright © ไอเดียชีวิต Design by O Pregador | Blogger Theme by Blogger Template de luxo | Powered by Blogger