วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

เจาะจุดแข็ง

 โบราณกล่าวไว้ว่า "มือเดียวต้านพายุสี่ด้านไม่ไหว" แม่้ทัพคนเดียวไม่อาจต้านศึกสองด้านได้ เวลาสู้รบจัดต้องรวมศูนย์กำลังทั้งหมดไปที่จุดเดียว เพื่อสลัดสถานะในการตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบทิ้ง

หากท่านได้เคยอ่านนิยายสามก๊ก จะพบว่าทั้งสามก๊กล้วนช่วงชิงสถานะในการใช้สองต่อหนึ่ง ดังจะเห็นได้จากเหตุการณ์รวมแล้วแยก แยกแล้วรวม ประเดี๋ยวมิตร ประเดี๋ยวศัตรู วนเวียนไปจนรวมเป็นหนึ่งก๊ก

ตัวอย่างที่เห็นเด่นขัดที่สุดก็เป็นตอนที่กวนอูต้องเสียชีวิตจากการดำเนินนโยบายผิดพลาดเกี่ยวกับการช่วงชิงสถานะสองต่อ 1 ขอเล่าย่อๆดังนี้ครับ

หลังจากที่เล่าปี่ตีโจโฉพ่ายในศึกชิงเมืองฮันต๋ง เล่าปี่ได้ครองเมืองเกงจิ๋วและเมืองเสฉวนส่งผลให้เล่าปี่มีอิทธิพลมากขึ้นทุกวัน ทุกวัน โจโฉจึงต้องดำเนินการสองต่อหนึ่งโดยการส่งทูตไปเจรจากับซุนกวนโดยอ้างพระราชโองการว่าให้ยกทัพไปตีเสฉวน

ฝ่ายซุนกวนหลังจากได้เจรจากับทูตของโจโฉแล้ว ได้ข้อสรุปว่า การผูกมิตรกับโจโฉไม่สู้ดีนักเพราะเจตนาโจโฉเพียงต้องการให้ซุนกวนช่วยโจมตีเล่าปี่ แต่ปัญหาเรื่องที่เล่าปี่ให้กวนอูคุมเมืองเกงจิ๋วก็เป็นปัญหาที่หนักอกเช่นกัน

ดังนั้นแล้วด้วยความละเอียดรอบครอบของซุนกวน จึงยังไม่ตัดสินใจ และได้ส่งทูตของโจโฉกลับอย่างมีมารยาท และในขณะเดียวกันก็ส่งจูกัดกิ๋นไปขอหมั้นลูกสาวกวนอูให้กับลูกชายของตน  จะได้ถือโอกาสนี้สืบลาดเลาของกวนอู

ดังคำกล่าวที่ว่า "ชัยชนะในทางยุทธวิธีนั้นไม่มีทางชดเชยความเสียหายด้านยุทธศาสตร์ได้" กวนอูแม้ปราดเปรื่อง ในทางการยุทธ มีความสามารถในการรบที่ไม่เป็นรองใคร กลับดำเนินงานด้านยุทธศาสตร์ที่ทำให้ตัวเองเริ่มก้าวสู่ฐานะการเป็นฝ่ายถูกกระทำทีละก้าวๆ จนกระทั่งในที่สุดก้ก้าวสู่หนทางแห่งความหายนะ เสียทั้งเมืองและชีวิต  

กวนอูแม้เก่งกาจในการใช้ง้าว สู้รบในสนามรบไม่เคยแพ้ใคร แต่ในครั้งนี้กวนอูมองไม่เห็นสถานการณ์ส่วนรวมทั้งหมด เมื่อจูกัดจิ๋นเอ่ยถึงเรื่องขอลุกสาวกวนอุไปเป็นสะใภ้ซุนกวน กวนอูโมโหมาก โกรธเป็นฝืนเป็นไฟ พร้อมเหยียดหยามซุนกวนว่า"ลูกพยัคฆ์ของข้าหรือจะลดตัวไปแต่งงานกับลูกหมา" ด้วยเหตุนี้ซุนกวนตัดสินใจเข้าร่วมโจโฉ บุกโจมตีเกงจิ๋วโดยทันที

ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ก็เพราะผมเองชอบสามก๊กอยู่แล้ว และวันนี้ผมได้ไปอ่านหนังสือเรื่องเจาะจุดแข็ง เป็นงานเขียนของ MARCUS BUCKINGHAM และ DONALD O. CLIFTON, Ph.D.ผมเห็นว่ามันเข้ากับคำกล่าวที่ว่า"แม่ทัพคนเดียวไม่อาจต้านศึกสองด้านได้ เวลาสู้รบจักต้องรวมศูนย์กำลังทั้งหมดไปที่จุดเดียว เพื่อสกัดสถานะในการตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบทิ้ง"  ในการพัฒนาตนเองหรือการพัฒนางานเราเองก็ไม่อาจพัฒนาทุกเรื่องได้ หรือไม่อาจกำจัดจุดอ่อนในทุกๆเรื่อง เราควรเน้นการพัฒนาจุดแข็ง ปิดจุดอ่อนให้พอไม่ทำให้เกิดความเสียหายก็พอ เพราะหากเรามัวกำจัดจุดอ่อน เราอาจจะเสียทั้งเงินและอนาคตที่จะเป็นคนรวยนะครับ ผมของหยิบยกบ้างประเด็นในหนังสือมาเล่าสู่เพื่อนๆฟังดังนี้ครับ

เรามีสมมุติฐานที่ผิดสองประการ

1. เราทุกคนเรียนรู้ในเรื่องใดก็ได้แทบทุกเรื่อง
2. การพัฒนาที่ดีที่สุดคือทุ่มความสนใจที่จุดอ่อน


โอกาสที่จะประสบความสำเร็จนั้นพบว่า พรสวรรค์ของแต่ละคนมีความยั่งยืน และมีความพิเศษเฉพาะตัว ถ้าหากได้มุ่งเน้นพัฒนาจุดแข็งของคนๆ นั้นแล้ว มันจะเกิดประสิทธิภาพ ประสิทธิผลที่สูงกว่า เพราะเขาเคยทำการสำรวจในคน 1.7 ล้านคน 101 บริษัท 63 ประเทศ พบว่าในแต่ละวันได้เอาศักยภาพที่ดีทีสุดของตัวเองมาทำงาน เพียงแค่ 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง โดยจะขอนิยามคำศัพท์ต่างๆ ดังนี้

จุดแข็ง คือ การทำกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งได้แทบสมบูรณ์แบบอย่างสม่ำเสมอ เราจะถือว่าเป็นจุดแข็ง ได้เมื่อสามารถทำได้อย่างสม่ำเสมอจนคาดหวังได้
จุดอ่อน ก็คือ อะไรก็ตามที่มาขัดขวางการปฏิบัติให้เป็นเลิศ

พรสวรรค์ มีคุณสมบัติอย่างน้อย 4 ข้อ คือ 1. ชอบทำ 2. มีความปรารถนา 3. เรียนรู้ได้เร็ว 4. ทำแล้วรู้สึกดี

ส่วนในเรื่องของจุดอ่อน ใครได้ยินก็อยากจะกำจัดทิ้งเสีย แล้วเราจะมีกลยุทธ์ในการกำจัดจุดอ่อนได้อย่างไร
1. ทำดีขึ้นอีกนิด อย่าไปคาดหวังว่าเราจะแก้ทุกอย่างภายในวันเดียว เพียงแค่ว่าเราทำดีกว่าเดิมอีกนิดเดียว
2. ลองใช่ความคิดสร้างสรรค์ บางทีอาจจะได้อะไรใหม่ๆ
3. ถ้ามันต่อต้านกันก็เอาจุดแข็งมาลบจุดอ่อน
4. ลองหาคนที่จะมาเป็นคู่คิด
5. ถ้าทำ 4 ข้อ ทั้งหมดแล้วยังไม่ดีขึ้นก็เลิกทำ อย่าไปดันทุรังเลย

ส่วนจุดแข็งนั้นจะมีลักษณะเฉพาะคือ
1. เราสามารถที่จะคาดหวังผลได้
2. จุดแข็งจะมีลักษณะเฉพาะจริงๆ
3. ถ้าเราอยากจะเป็นเลิศ เราต้องเพิ่มพูนจุดแข็ง มากกว่าที่จะไปลบจุดอ่อน



0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

 

Copyright © ไอเดียชีวิต Design by O Pregador | Blogger Theme by Blogger Template de luxo | Powered by Blogger