วันอังคารที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

โรคขี้เกียจทำงาน

     ช่วงวันแห่งความรักที่ผ่านมา  ถึงแม้ผมเองไม่ได้ไปฉลองวันแห่งความรัก เพราะถือว่ามันเป็นแค่วัน วันหนึ่งเท่านั้นเอง แต่ถึงอย่างไร 14 กุมภาพันธ์ 2556 ดูเหมือนจะเป็นวันดี ดี อีกวัน

     ไม่เพียงแต่เพื่อนผมได้เปิดร้านอาหารชื่อร้าน friendly   ญาติผมก็ได้ทำการอุปสมบทในวันเดียวกัน
ทำให้ผมทั้งได้พบปะเพื่อนๆ เจอญาติๆ  ซึ่งญาติผมส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย ขาลุย ด้วยกันทั้งนั้น
ด้วยเหตุและปัจจัยต่างๆ ทำให้ผม เพื่อน และพี่ๆ ได้ท่องราตรี พูดคุย แสดงวิสัยทัศน์
 แน่นอนการท่องราตรี การพูดคุยแสดงวิสัยทัศน์  ย่อมมีการดื่มสังสรรค์กันบ้าง ไม่มากก็น้อย
 บทสรุปของวันเปิดร้าน friendly  คือผมกลับบ้านตี 4 เช้ามาก็ต้องตื่นมาทำงานปกติ
วันแรก วันเดียว ผมเองไม่รู้สึกอะไร หลงเหลือไว้แต่ความรู้สึกสนุก มันส์
ด้วยความที่ผมไปกินข้าวที่ร้านเพื่อนทุกๆวัน ทำให้ผมเจอเพื่อน พี่ ซึ่งก็ลงเอยที่เธค และกลับตี 4 ทุกวัน เป็นช่วงเวลาที่สนุก และมันส์ มาก นั่งนับนิ้วก็กินเวลาทั้งสิ้น 4 วัน รวด

    พอผ่านพ้นช่วงแห่งการปลดปล่อย ก็ถึงวันต้องกลับมาทำงาน
ซึ่งการหยุดยาวหลายๆ วันก็ทำให้เป็นโรค "ขี้เกียจทำงาน"
เพื่อรักษาโรคขี้เกียจ และทำให้มีอารมณ์ทำงานอีกครั้ง
ผมมีข้อมูล  วิธีการรักษาโรคขี้เกียจทำงานมาฝากครับ

กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ได้ให้ความรู้ว่า ตามจิตวิทยาทั่วไปของพฤติกรรมมนุษย์ เมื่อมีวันหยุดยาวช่วงเทศกาลจะปลดปล่อยอารมณ์เที่ยวอย่างเต็มที่ เพราะเห็นว่าทำงานเหน็ดเหนื่อยมาทั้งปีต้องเต็มที่สักหน่อย   เมื่อต้องกลับมาทำงานจึงคล้ายกับการเปลี่ยนชีวิตไปอีกด้านหนึ่งแบบ กะทันหัน ตามจิตวิทยามักเกิดอาการ "Fatigue" หรืออาการอ่อนล้า หรืออาการอิดโรยของกายและใจ
 
    อาการที่ว่านี้มักมาในหลายปัจจัย อาทิ ต้องนั่งรถเพื่อเดินทางไกล 
หรือเป็นหลังจากดื่มกินสังสรรค์กับเพื่อนฝูง หรือจากคนที่รักเพื่อไปทำงาน เป็นต้น

ภายใต้สภาวะดังกล่าว มักจะเกิดขึ้นในช่วงระยะสั้นๆ เท่านั้น เป็นเรื่องที่สามารถแก้ไขได้ ทั้งการดื่มกินแบบรู้ตัวเอง ถ้ารู้ว่าไม่ไหวก็ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ อย่าฝืน หรือหมั่นโทรศัพท์หาพ่อและแม่ หรือลูก รวมไปถึงญาติพี่น้องเมื่อมาทำงาน ตรงนี้จะช่วยคลายเหงาได้มาก

แต่หากปล่อยเวลาผ่านไปสักระยะอาการอ่อนล้าจากการทำงานยังไม่หาย กรมสุขภาพจิต แนะว่า ขอให้ระวังอาจเป็น "อาการเหนื่อยล้าเรื้อรัง" อาการดังกล่าวนี้ย่อมทำให้เกิดการเสื่อมถอยทั้งกายและใจ มีผลกระทบต่ออารมณ์และจิตใจด้วยเสมอ

ขอย้ำว่าอาการเหนื่อยล้าไม่เหมือนกับอาการง่วงนอน ถึงแม้ว่าอยากจะนอนก็ตามที อาการเหนื่อยล้าเป็นอาการที่ขาดแรงกระตุ้น ทำให้เกิดความเบื่อหน่าย ไม่อยากทำอะไรทั้งสิ้น
อาการที่เกิดขึ้น อาทิ สายตาพร่ามัว ปัสสาวะออกน้อยหรือไม่มี บางรายน้ำหนักตัวลด มีอาการท้องผูก นอนหลับๆ ตื่นๆ ตลอดคืน พร้อมทั้งมีอาการปวดศีรษะร่วมด้วยในบางราย

อาการเหนื่อยล้าเป็นอาการของปัญหาทางสุขภาพ ที่มีอยู่แล้ว อาทิ โรคตับ โรคไต โรคหัวใจ โรคความดัน เป็นต้น บางรายหากพื้นฐานเป็นคนเครียดและมีอาการซึมเศร้าเป็นทุนเดิม จะเป็นตัวกระตุ้นชั้นดีต่อการเกิดโรคนี้อย่างมาก หากมีอาการเหล่านี้แนะนำว่าควรไปพบแพทย์เพื่อทำการักษาจะดีที่สุด
   
เอาเป็นว่าหลังเฉลิมฉลองช่วงเทศกาลแล้วเสร็จ หมั่นดูแลสุขภาพกายใจของตนเอง จากที่เคยดื่มหัวราน้ำยันเช้าก็เพลาๆ ลงบ้าง หาเวลาพักผ่อนเพื่อจะได้มีแรงในการทำงาน

และอย่าลืมโทรศัพท์หาคนที่รัก อาทิ พ่อแม่ ลูก รวมไปถึงคู่รักในยามที่ห่างไกลจะเป็นกำลังใจชั้นดีต่อการสู้งานหนักแถมโรค อ่อนล้าจากการทำงานก็ไม่ถามหา

หลีกให้ไกลยานอนหลับ
กรมสุขภาพจิต แนะว่าหลังกลับมาจากเฉลิมฉลองช่วงเทศกาลปีใหม่ ควรจะลดละแอลกอฮอล์และพักผ่อนให้เพียงพอ โดยการนอนหลับจะดีที่สุด และหมั่นออกกำลังกายเมื่อมีโอกาสหากใครเป็นโรคประจำตัวก็หมั่นกินยาหรือ หมั่นไปหาหมอ
ข้อระวังอีกอย่าง หากรู้สึกนอนไม่หลับแต่อยากพักผ่อน ไม่ควรกินยานอนหลับ หากกินเป็นเวลานานๆ อาจทำให้ติดและอาจเกิดอาการข้างเคียงได้ เช่น เวียนศีรษะ เบื่ออาหาร ท้องเสีย สะลึมสะลือ
หากใช้ยาเกินขนาดอาจทำให้เกิดอาการสับสน ความดันเลือดต่ำ การหายใจถูกกด หมดสติ จนถึงช็อกได้ ดังนั้น การใช้ยานอนหลับจึงควรอยู่ในการควบคุมดูแลของแพทย์จะดีกว่า


ที่มา : หนังสือพิมพ์เอ็มทูเอฟ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

 

Copyright © ไอเดียชีวิต Design by O Pregador | Blogger Theme by Blogger Template de luxo | Powered by Blogger