วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2555

The World is Flat

 หนังสืออีกเล่มหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้หนังสือ HOW TO เล่มไหนๆก็คือ หนังสือเรื่อง  The World is Flat เขียนโดย  Thomas L. Friedman สำหรับผมจัดเป็นหนังสือHOW TO แนวการให้แง่คิดในการพัฒนาตนเอง คือ สรุปสั้นๆง่ายๆว่าเราจะพัฒนาตัวเองให้เก่งเฉพาะในท้องถิ่นเรา หรือเก่งแค่ในประเทศไม่ได้แล้ว เราต้องเก่งเป็นที่ 1 ในโลก  เพราะทุกวันนี้เราทำงานผ่านอินเตอร์เน็ตสื่อสารกันได้ทั่วโลก ผมขอนฃสรุปประเด็นสำคัญๆในหนังสือดังนี้ครับ

  ประเด็นที่ 1 ความหมายของ  The World is Flat  ผู้เขียนอธิบายว่า   ในป  ค . ศ . 1492 เม ื่อ  Christopher  Columbus ออกเดินเรือเพื่อหาเสนทางไปทวีปอินเดีย   แต่ด้วยความบังเอิญเกิดความผิดพลาดระหว่างการเดินเรื่อน ทำให้ได้พบทวีปอเมริกา  ทำให้ Columbus  สรุปว่าโลกกลม แต่ในยุคโลกาภิวัฒน์ ณ ตอนนี้อินเดียเป็นศูนย์กลาง  Business Process Outsourcing (BPO) คือให้บริการต่าง ๆ  เช่นเขียนน  Software  กรอกแบบภาษี  วิเคราะหผล   X-ray  ติดตามกระเป๋าเด ินทางที่สูญหายใหแก่สายการบิน โดยให้บริการแก่บริษัทต่างๆ ทั่วโลกผานทาง  Internet  สวนประเทศจีนก็มีแรงงานที่สามารถพูดภาษาญี่ปุ่นหลายพันคนที่กำลัีงให้บริการ BPO  แก่ บริษัทต่าง ๆ  ของประเทศญี่ปุ่นหรือในประเทศจีนเองที่มีโรงงานหรือบริษัทเล็กๆที่ผลิตรูปปั้นVirgin of Guadalupeที่ชาวเม็กซิกันนับถือและก้มีวางขายเฉพาะืั้ประเทศเม็กซิโก สรุปคือเราทุกคนเราต้องเผญิชหน้ากันภายใต้สิ่งแวดล้อมเดียวกัน  (level playing field)


ประเด็นที่ 2 กระแสโลกาภิวัตน์ที่ผ่านมาในประวัติศาสตรมี 3  ช่วง                                     ได้แก่ (1) Globalization-1.0   เริ่มจากป 1942 มีกลไกการเปลี่ยนแปลงคือประเทศตะวันตก  เช่น   สเปนและอังกฤษที่เดินทางแสวงหาอาณานิคม   ทําใหโลกเสมือนลดขนาดลงจากขนาดใหญเป็นขนาดกลาง  (2)  Globalization-2.0  เริ่มจากป 1800 โดยกลไกคือบริษัทข้ามชาติที่แสวงหาตลาดและแรงงานในโลกตะว ันออก   ทําใหโลกเสมือนลดจากขนาดกลางเปนขนาดเล็ก  (3)
Globalization-3.0  เริ่มจากป 2000 ที่เทคโนโลยีสารสนเทศทำใหโลกเสมือนลดจากขนาดเล็กเปนขนาดจิ๋ว   โดยกลไกคือคนทุกคนและทุกกลุมสามารถเข้าถึงเทคโนโลยี (plug and play)  และร่วมในกระแสโลกาภิวัตน์นี้ได โดยไม่จ ําก ัดเฉพาะชาวโลกตะวันตกอีกตอไป 

ประเด็นที่ 3 เหตุการณ์สำคัญที่ทำให้โลกแบนได้แก่ 
(1)   11/9/89  The wall came down and Windows came up .   วันที่ 9  พฤศจ ิกายน   ค . ศ . 1989 (11/9) กำแพงเบอร์ลินถูกทำลาย  ซึ่งเป็นการเริ่มต้นสิ่งที่เรียกว่าโลกไร้พรมแดน และหลังจากนั้น 5 เดือน โปรแกรม Windows 3.0 เริ่มวางตลาด
 (2)   8/9/95  People to people connectivity   วันท ี่ 9  สิงหาคม   ค . ศ . 1995 บร ิษัท  Netscape  เข้าเปนบริษัทมหาชน  ซึ่งทำให้เกิดสิ่งส ําค ัญ  3  เร ื่อง
1) มี browser  ที่ทําใหการใช  Internet  เกิดเปนที่นิยมทั่วโลกทําใหมีมาตรฐานที่การติดตอสื่อสารและเชื่อมโยงกันระหว่างผูใชคอมพิวเตอร์ระบบตางๆ เกิดขึ้นได
3) เกิดกระแส Dot-Com boom  จนเกิดการลงทุนในการวางสาย Fiber Optic  มูลค่าประมาณ  1  ลานลานเหรียญ   ซึ่งทำให้เกิดการสื่อสารไดทั่วโลกโดยต้นทุนการส่งเอกสาร   เพลง   หรือข อมูลลดลงออย่างมหาศาล
(3)   Work Flow Software (Application to application connectivity)  การที่มีมาตรฐานและการเชื่อมโยง ให้เกิดการสื่อสารกันได้ระหว่างผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์ต่างกัน และโปรแกรมต่างกันได้ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกระบวนการทำงาน (work  flow)   อย่างมาก การแบ่งปันข้อมูล ความรู้ และการร่วมงานกันเกิดขึ้นระหว่างคนที่อยู่ต่างสถานที่ ต่างเวลา อย่างไม่เคยมีมาก่อน ในประวัติศาตร์ทั้งสามโลก
 (4)   Open-sourcing  เช นการเปดใหใช โปรแกรม  Linux  ฟรีแก่คนทั่วไปทำให้เกิดรูปแบบใหม่ในการสร้างสรรค์ (new industrial model of creation)  และการร่วมงานกัน   เช น  น ักศ ึกษาอายุ 19 ป ของมหาว ิทยาล ัย  Stanfordประเทศสหรัฐอเมร ิการวมกับน ักศ ึกษาอายุ 24 ป   ในประเทศ  New  Zealand  พัฒนาโปรแกรม Firefox  WebBrowser  โดยไม เคยพบต ัวก ันเลย   และโปรแกรมได ม ีผ ู download  ไปใช แล วกวา  10 ลานคน

ทั้งหมดนี้เป นป จจ ัยท ี่ทําใหโลกแบนข ึ้นและเรียกปจจ ัยเหล าน ี้วา  “flatteners”



0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

 

Copyright © ไอเดียชีวิต Design by O Pregador | Blogger Theme by Blogger Template de luxo | Powered by Blogger