วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2555

“ไกรสร จันศิริ” บอกวิถี...สู่ราชาทูน่าโลก

  นับเป็นการกล่าวปาฐกถาที่ประชาชน และนักธุรกิจทุกคนจะต้องฟังอย่างตั้งใจ สำหรับการพูดถึงวิธีการบริหารธุรกิจให้ประสบความสำเร็จของ “คุณไกรสร จันศิริ” ประธานกรรมการ บริษัท ไทยยูเนี่ยนโฟรเซ่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ผลิตและส่งออกทูน่ากระป๋องอันดับหนึ่งของโลก

คุณไกรสรพูดในฐานะได้รับการคัดเลือกให้เป็น “บุคคลสัมมาชีพแห่งปี 2554” ซึ่งจัดขึ้นโดย “มูลนิธิสัมมาชีพ” เมื่อค่ำคืนวันที่ 28 มกราคม 2555 ณ โรงแรมอิมพิเรียลควีนปาร์ค สุขุมวิท โดยเมื่อ 2 ปีก่อนบุคคลที่รับรางวัลเดียวกัน คือ คุณบุญเกียรติ โชควัฒนา ในปี 2552 และคุณอิสระ ว่องกุศลกิจ ในปี 2553  
     คุณไกรสรบอกถึงแนวทางการดำเนินธุรกิจของไทยยูเนี่ยนฯ ว่าปี 2011 ไทยยูเนี่ยนฯ ตั้งเป้ารายได้เพิ่มขึ้นจากปี 2010 ประมาณ 40% คือ ไม่น้อยกว่า 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดย 9 เดือนแรกของปี 2011 เรามีรายได้กว่า 72,000 ล้านบาท เท่ากับ 2,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นกำไรสุทธิกว่า 3,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับปี 2010 ทั้งปีได้กำไรสุทธิ 2,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพียง 9 เดือนกำไรของเราเพิ่มขึ้น 30%
     เมื่อวันที่ 14-15 ธันวาคม 2010 คุณไกรสรได้เรียกผู้บริหารในเครือบริษัทมาโชว์วิสัยทัศน์และแผนงานเพื่อ กำหนดเป้าหมายรายได้ของบริษัทฯ จากปี 2012-2020 โดยผู้บริหารทุกคนตั้งเป้าให้ผมต้องไม่น้อยว่า 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ, ปี 2015 ไม่น้อยกว่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และปี 2020 ต้องไม่น้อยกว่า 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
     คุณไกรสรสังเกตในที่ประชุมพบว่า ผู้บริหารเครือบริษัทต่างๆ ล้วนแต่มีความตั้งใจและเป็นคนที่มี New Vision, New Plan, New Strategy และเป็นคนที่มี New Synergy เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วทำให้คุณไกรสรค่อนข้างมั่นใจว่าไทยยูเนี่ยนฯ จะประสบความสำเร็จและบรรลุเป้าที่ไม่น้อยกว่า 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2020 อย่างแน่นอน
     กว่า 35 ปีที่คุณไกรท่องอยู่ในยุทธจักรปลาทูน่าโลกย่อมไม่ใช่เรื่องธรรมดา ผ่านทั้งความเจ็บปวด เสียใจ หรือแม้แต่ความภาคภูมิใจ แต่สิ่งที่ทำให้คุณไกรสรฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ มาได้จนประสบความสำเร็จในวันนี้ คือ การยึดหลักปรัชญาการดำเนินชีวิต 6 ประการ โดยประการแรกสร้างธุรกิจด้วยความขยันและประหยัด แม้ว่าเขาจะเรียนน้อยแต่อาศัยความขยัน คือ ทำให้งานให้มากกว่าคนอื่นหลายเท่า ความขยันจะชดเชยให้กับคนที่ไม่ฉลาด  แนวทางการบริหารธุรกิจของคุณไกรสรไม่ได้มุ่งเน้นไปที่การประหยัด แต่มุ่งเน้นไปที่การสร้างผลกำไรให้กับบริษัทมากกว่า
     ประการที่สองธำรงรักษาไว้ซึ่งความน่าเชื่อ พูดง่ายๆ คือ การรักษาเครดิต หลายคนอาจคิดว่าเครดิตเกี่ยวข้องกับการกู้เงิน แต่คุณไกรสรคิดต่างมองว่าความน่าเชื่อไม่ใช่เครดิตเงินอย่างเดียว แต่คนที่ทำธุรกิจต้องรักษาเวลา รักษาคุณธรรม รักษาจริยธรรม รักษาความรู้ความสามารถ กตัญญูต่อพ่อแม่ ให้ความรักแก่ลูกหลานตนเอง
     ประการที่สามความร่วมมือสร้างประโยชน์ทั้งคู่ คุณไกรสรมองว่ามิตรภาพกับลูกค้าถือเป็นที่หนึ่ง ลูกค้าถือเป็นเพื่อนกัน ให้ความช่วยเหลือกัน ขณะที่คู่แข่งในเชิงการค้าต้องจับมือมาแข่งขันแบบเพื่อนฝูง ไม่ใช่แข่งเอาเป็นตาย เพราะจะทำให้คู่แข่งจากต่างชาติใช้ช่องว่างเอาเปรียบได้ เขาจะบีบอะไรก็ได้ สุดท้ายตายทั้งคู่ ขณะเดียวกันเจ้าของธุรกิจต้องให้เกียรติพนักงาน หุ้นส่วน และลูกๆ หลานๆ ให้เขาแสดงความสามารถอย่างเต็มที่ ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า
     วิธีการถ่ายทอดธุรกิจของคุณไกรสรให้กับลูกหลาน แตกต่างจากคนอื่นที่จะให้ไปเรียนรู้การทำงานในโรงงานเหมือนกับพนักงานคนอื่น ทั้งแกะกุ้ง แกะปลา ไล่ให้ไปอยู่โรงงานจนครบแผนก ไม่มีการขับรถเข้าโรงงาน ไม่ออกไปกินข้าวข้างนอก เพื่อต้องการให้ลูกเรียนรู้ทุกอย่างภายในโรงงาน เมื่ออยู่บ้านเป็นพ่อกับลูก แต่ถ้าอยู่โรงงานเป็นเพื่อนร่วมงาน
     ประการที่สี่เข้มงวดตัวเองอย่างไม่หยุดยั้ง รวมทั้งความรู้และกิจการ คุณไกรสรมองว่าความรู้มีความกว้างใหญ่เหมือนมหาสมุทร ซึ่งความรู้ที่คนเรามีอยู่นั้นเพียงแค่น้ำทะเลหยดเดียว คุณไกรสรบอกว่ายิ่งตนเองเรียนมากเท่าไหร่ยิ่งรู้สึกว่าความรู้ยังไม่เพียงพอ เพราะโลกพัฒนาไปเร็วมาก ถ้าตนเองไม่เรียนก็จะไม่ทันลูกหลาน ไม่สามารถดูแลกิจการได้ ขณะที่การดำเนินธุรกิจถ้าคุณคิดว่าควรจะอยู่กับที่ นั่นแสดงว่าคุณกำลังเดินถอยหลัง ธุรกิจต้องขยายการลงทุนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
     ประการที่ห้าการรู้จักตอบแทนบุญคุณคน แม้แต่น้ำหยดเดียวคุณไกรสรยังจดจำตลอดชีวิต แต่ถ้ามาอยู่กับคุณไกรสรจะตอบแทนกลับเหมือนน้ำพุ เพราะเมื่อตอบแทนบุญคุณคนแล้วทำให้ตนเองสบายใจ และคนที่มีบุญคุณกับเราก็จะมีความสุข เพื่อที่จะให้เขาไปทำกับคนอื่นที่เดือดร้อนต่อไป
     ประการที่หกคืนประโยชน์ให้กับสังคม ธุรกิจที่ได้กำไรแล้วต้องคืนประโยชน์ส่วนหนึ่งให้กับสังคม ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา การกีฬา หรือให้ความช่วยเหลือผู้ที่ประสบภัยธรรมชาติ และคนเดือนร้อนต่างๆ ถือเป็นการสร้างบุญกุศลทำให้มีตนเองความสุขและจิตใจผ่องใส ดังนั้น ธุรกิจที่รวยแล้วต้องมีการช่วยเหลือสังคมบ้าง
     ถือเป็นปรัชญาการดำเนินชีวิตและทำธุรกิจที่สุดยอดจริงๆ เพราะแม้ว่าคุณไกรสรจะไม่มีความรู้เท่ากับคนอื่น แต่คุณไกรสรรักที่จะเรียนรู้อย่างต่อเนื่องไม่มีที่สิ้นสุด อะไรไม่เป็นต้องทำให้เป็น ฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ เชื่อแน่ว่าเป้าหมายกำไร 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2020 คงจะอยู่ในกำมือ

ขอขอบคุณเนื้อหาจากเวบ การค้าอาเซียน

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

 

Copyright © ไอเดียชีวิต Design by O Pregador | Blogger Theme by Blogger Template de luxo | Powered by Blogger